พี่ชายที่แสนดี

โดย...หงส์แดง

ระยะนี้เวลาอ่านข่าวสารบ้านเมือง อยู่ดีๆ ก็นึกถึงเพลง “พี่ชายที่แสนดี” ต้นฉบับที่ร้องโดย คุณอุ้ย รวิวรรณ จินดา ขึ้นมา

“จวบจนฉันโต พี่ยังคงรักและคอยเป็นห่วงแสนห่วง เมื่อผิดหวังให้กำลังใจทั้งดวง น้องเอยอย่ากลัวใครเขา เมื่อยามท้อใจ จ้องมองบนฟ้านึกตอนเป็นเด็กเล็กนั่น ขี่คอจนเกือบสูงทัน เอื้อมมือให้ถึงจันทร์ บอกเอาไว้นาน พี่ชายที่แสนดี”

นั่นเป็นเพียงบางส่วนนะครับ หากท่านผู้อ่านที่รักของผมสนใจก็น่าจะหาฟังได้ไม่ยาก

ที่บอกว่าอ่านข่าวแล้วก็นึกถึงเพลงนั้นขึ้นมาคงจะเป็นเรื่องอื่นไม่ได้นอกจากข่าวของครอบครัวจันทร์โอชา

หลักๆ มาจากสาเหตุที่ บิ๊กติ๊ก พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกลาโหม น้องชายของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังโดนถล่มอย่างหนัก

ทั้งกรณี “ภาพฝายแม่ผ่องพรรณ” ที่ถูกเผยแพร่กันในเว็บไซต์สมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม

ถ้าแม่ผ่องพรรณคนนี้ ไม่ใช่ภริยาบิ๊กติ๊กและน้องสะใภ้บิ๊กตู่ ก็ไม่มีปัญหา แต่เมื่อความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงเสียงวิจารณ์ไปได้

ไม่เพียงเท่านี้ ยังตามมาด้วยกรณีที่มีการไปขุดคุ้ยกันจนพบว่าคนในครอบครัวได้งานรับเหมาก่อสร้างของกองทัพภาคที่ 3 ด้วยแล้ว ยิ่งกลายเป็นสองแรงบวกเข้าไปอีก

พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะคนกลางจะออกตัวอะไรมากไม่ได้ เพราะตำแหน่งมันค้ำคออยู่ ทำได้เพียงบอกผ่านผู้สื่อข่าวว่า “เป็นห่วง และขอให้เป็นเรื่องของการตรวจสอบตามกฎหมาย”

เวลานี้อย่างที่ทราบกันดี พล.อ.ประยุทธ์ หมายมั่นปั้นมือหนักหนาที่อยากจะปฏิรูปประเทศ และหนึ่งในนั้น คือ การแก้ไขปัญหาการทุจริต

อีกทั้งยังประกาศต่อสาธารณะโครมๆ หลายครั้งว่า การทุจริตจะต้องหมดไปจากประเทศไทย ตามมาด้วยการเตรียมออกฎหมายว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม หรือกฎหมาย 3 ชั่วโคตร รวมไปถึงการใช้อำนาจมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 ย้ายข้าราชการยกแผงอีกหลายครั้ง

เรียกได้ว่าเป็นการวางมาตรฐานไว้ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

มาตรฐานที่วางไว้ก็ดีนะครับ ผมเองเป็นคนหนึ่งที่อยากเห็นประเทศเรามีความโปร่งใส แต่การจะทำให้ประสบความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่จำนวนปริมาณของกฎหมายที่จะออกมาเพียงอย่างเดียว เพราะขึ้นอยู่กับการบังคับใช้อย่างเท่าเทียมกันด้วย

แต่เดี๋ยวก่อนที่บอกมาอย่างนี้ ไม่ได้หมายความว่าผมจะเห็นด้วยกับคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรอกนะครับ

ผมมองว่าการที่คุณยิ่งลักษณ์ออกมาเรียกร้องให้นายกฯ ดำเนินการกับน้องชายด้วยมาตรฐานเดียวกับเธอนั้นมันเป็นคนละเรื่องกัน

กรณีของคุณยิ่งลักษณ์ถูกตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรมจนใกล้จะสิ้นกระบวนความแล้ว ส่วนกรณีของ พล.อ.ปรีชา เพิ่งเริ่มเท่านั้นเอง ดังนั้น หากจะมาให้ใช้มาตรฐานเดียวกันก็ไม่เป็นธรรม

แต่ครั้นแล้วจะมัวแต่รอให้ความโปร่งใสเกิดมาจากการทำงานของ ป.ป.ช.อย่างเดียว ก็จะดูไม่เวิร์กเท่าไหร่ เพราะกว่า ป.ป.ช.จะสอบเสร็จ คนที่บอบช้ำที่สุดหนีไม่พ้นพี่ชายที่ชื่อ “ตู่” นั่นเอง