posttoday

วัฒนธรรมยางอาย

08 กุมภาพันธ์ 2559

แม้จนถึงวันนี้ ดลฤดี จำลองราษฎร์ ดอกเตอร์หนีทุนมหิดล จะปักหลักอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ไม่ยอมจ่ายเงินคืนให้กับ “ผู้ค้ำประกัน”

โดย...พะนะท่าน  [email protected]

แม้จนถึงวันนี้ ดลฤดี จำลองราษฎร์ ดอกเตอร์หนีทุนมหิดล จะปักหลักอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ไม่ยอมจ่ายเงินคืนให้กับ “ผู้ค้ำประกัน” ที่ต้องมาชดใช้แทนรวม 10 ล้านบาท แต่ปรากฏการณ์ที่คนในสังคมรวมพลังกดดันอดีตหมอฟันผู้อื้อฉาว นับว่าน่าชื่นชม

ที่มันน่าตงิดก็คือ ฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกจะปิดหูปิดตาปฏิเสธ ไม่รู้ไม่เห็น ดลฤดี ว่าหนีทุน เปลี่ยนสัญชาติมาเป็นอเมริกัน แต่งงานเสพสุขที่ฮาร์วาร์ด มีเงินเดือนที่ชาวเน็ตขุดคุ้ยร่วมหลายสิบล้านได้อย่างไร 

เรื่องมันไม่ใช่แค่อดีตหมอฟันคนนี้ทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง แต่ยังผิดกฎหมายจนเขาฟ้องล้มละลายกันอยู่ 

เมื่อฮาร์วาร์ดรับคนอย่างนี้ไปร่วมงาน ก็ไม่รู้อุดมการณ์ จรรยาบรรณของมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกอยู่ตรงไหน ไม่อายเด็กประถมที่ถูกสอนให้เรียนวิชาจริยธรรม จรรยาบรรณบ้างหรือ

นึกถึงหน่วยราชการไทย ทำอะไรชอบล้อมคอก ต้องให้เกิดเรื่องเป็นกระแสใหญ่โตก่อน ถึงค่อยมาแก้เกี้ยวตามน้ำ ทั้งที่เรื่องนี้เกิดมานับสิบปี แต่กลับเพิ่งมาตื่นตัวฟ้องร้อง ถ้า “หมอทอม” ทพ.เผด็จ พูลวิทยกิจ หนึ่งในผู้ค้ำประกันที่ต้องสูญเงินฟรี 2 ล้านบาท ไม่ออกมาเปิดเผย สังคมก็คงไม่รู้เรื่อง

ดีครับ... ที่คนไทยช่วยกัน เงินที่เอาไปให้เรียนทุนก็มาจากเงินภาษีประชาชนส่วนรวม แต่ก็ขออย่าให้กรณีนี้เป็น “ไฟไหม้ฟาง” พอไม่เป็นข่าวแล้วก็เงียบหายเหมือนหลายกรณี ถ้าทำสำเร็จจนดอกเตอร์ฉาวยอมจ่ายหนี้คืน สะท้อนให้เห็นพลังของคนไทยทั้งในประเทศและในต่างแดนที่ไม่ยอมกับ “คนหนีทุน” ลอยนวลอย่างนี้

เห็นคนไทยจำนวนมากรับไม่ได้ บางรายเป็นเด็กนักศึกษาโทรหา ทพ.เผด็จ ถึงขั้นอยากบริจาคตั้งกองทุนสู้ เพราะเข้าข่ายเอาเปรียบสังคม คอร์รัปชั่นเงินหลวง ก็อยากให้คนไทยตื่นตัวกับปัญหาคอร์รัปชั่นในประเทศอื่นๆ ด้วย

ถ้านักการเมือง ผู้มีอำนาจ บิ๊กข้าราชการ เอกชน ร่วมกันกินสินบาทคาดสินบน เราก็ควรออกมาปฏิเสธ กดดันให้หนักหน่วงเหมือนอย่างที่ทำกับ “ดอกเตอร์หนีทุน” สร้างวัฒนธรรมยางอาย อยู่ไม่ได้จนต้องลาออกเหมือนอย่างญี่ปุ่น ที่ล่าสุดรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจประกาศลาออก หลังถูกสื่อขุดคุ้ยพบว่าแอบรับเงินสินบนจากบริษัทก่อสร้าง 3.6 ล้านบาท เป็นรัฐมนตรีรายที่ 3 ใน ครม. ชินโสะ อาเบะ ที่ต้องลาออกจากข้อหารับสินบน

กลไกลงโทษคอร์รัปชั่นของประเทศเราล่าช้า กว่าจะหาหลักฐานเอาผิดได้ นักกินเมืองก็ลอยนวล เมื่อได้อำนาจก็ไปรื้อหลักฐาน โยกย้ายแต่งตั้งเอาคนของตัวเองเข้าไปช่วยเหลือ กลบคดีไม่ให้ฟ้องศาล

แม้ว่าระยะหลังเราจะเห็นผู้มีอำนาจ บิ๊กเอกชน เข้าคุกจากคดีดังที่สิ้นสุดแล้วในชั้นศาลฎีกา ไม่ว่าคดีมหากาพย์โกงเงินบีบีซี คดีทุจริตปล่อยกู้กรุงไทย หรือคดีล่าสุดรื้อบาร์เบียร์ จน ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ติดคุก 2 ปี แต่ก็พบว่าแต่ละคดีใช้เวลาพิจารณานานร่วมสิบปี

ช่วยกันสร้างวัฒนธรรมยางอาย ไม่เอานักโกงบ้าน กินเมืองกันเถอะครับ อย่าให้ช้าไปกว่านี้เลย...