ไล่ล่าทักษิณ

โดย...ขำ เคืองใจ [email protected]

เสียงของนักการเมืองตั้งคำถามดังๆ ขึ้นมาอีกแล้ว “ทำไมต้องไล่ล่าทักษิณ”

เป็นการกระดกลิ้นพูดออกมาง่ายๆ โดยไม่ได้มองถึงเหตุของปัญหา ไม่ได้คำนึงถึงความผิดชอบชั่วดีที่เคยก่อกระทำไว้

สังคมจะดำรงอยู่ด้วยความสงบเรียบร้อยหากทุกฝ่ายเคารพปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมไม่ยกเว้นคนใดคนหนึ่ง

แต่เพราะมีความพยายามแหกกฎ รวมถึงผู้มีอำนาจภายใต้กฎหมายบางคน บางกลุ่ม ยอมจำนนต่อผู้มีอำนาจนอกกฎหมายเสียเองจึงเกิดความวุ่นวายจนถึงขณะนี้  

ไม่ต้องมองไกล เอาแค่กรณีรัฐบาล คสช.เพิกถอนพาสปอร์ต พ.ต.ท.ทักษิณ ปรากฏว่า คุณสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ ประกาศเสียงดังฟังชัด “ถ้าได้กลับมาเป็นรัฐบาลจะคืนพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ”

คำกล่าวของท่านส่อเจตนา สามารถใช้อำนาจบริหารประเทศคืนพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้

ทันใดนั้นมีข่าวคราวคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังรวบรวมสำนวนดำเนินการเอาผิดรัฐบาลยิ่งลักษณ์และคุณสุรพงษ์ เนื่องจากใช้อำนาจขัดต่อกฎหมายบ้านเมืองอนุมัติคืนพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ

รอบนี้คุณสุรพงษ์กลับตอบว่า ตัวเขาไม่เกี่ยวข้อง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศยุคนั้นต่างหากมีอำนาจอนุมัติคืนพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ

อ้าว! แล้วคนที่เพิ่งให้สัมภาษณ์ “ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะคืนพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงว่าใช้อำนาจผ่านอะไร”

ในเมื่อบอกว่า รมว.ไม่มีอำนาจ แต่เป็นอำนาจของปลัดกระทรวงการต่างประเทศ

ย่อมแสดงให้เห็นพฤติกรรมฝ่ายการเมืองเข้าไปสั่งการแทรกแซงข้าราชการระดับปลัดกระทรวงหรือไม่ หรือเป็นคำพูดลักษณะโยนความผิดให้ข้าราชการประจำต้องรับกรรมซะงั้น

เช่นเดียวกับคำพูดของสมาชิกพรรคเพื่อไทยท่านหนึ่งกล่าวขึ้นเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2558 “ว่างมากหรือไงถึงไล่ล่าทักษิณ”

ข้อเท็จจริงรัฐบาลในช่วงเจ็ดแปดปีที่ผ่านมาว่างมากกว่านะครับ...ถึงปล่อยให้กรณีเพิกถอนพาสปอร์ตและถอดยศนอนนิ่งอยู่ใต้พรม ไม่ดำเนินการเฉกเช่นนายทหาร ตำรวจ ซึ่งถูกพิพากษาประพฤติชั่วร้ายแรงล้วนได้รับการลงโทษด้วยมาตรฐานเดียวกัน

แต่กรณีอดีตนายกฯ ทักษิณ เข้าหลักเกณฑ์ตามกฎหมายทุกประการ ทำมั้ยทำไมถึงได้รับยกเว้นมาเจ็ดแปดปี กระทั่งรัฐบาล คสช.ต้องปัดฝุ่น ภายใต้คำประกาศว่า “กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย”

นักการเมืองผู้เคยครองอำนาจควรใช้เวลาว่างของท่าน ตั้งข้อสังเกตและคำถาม “ทำไมผู้มีอำนาจยุคนั้นถึงปล่อยปละละเลยใช้กฎหมายอย่างเลือกปฏิบัติ”

เพราะพริ้งกว่าท่องบทเดิม “ทำไมต้องไล่ล่าทักษิณ”เป็นไหนๆ