แค่เริ่มต้น
การยึดหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลายเป็นภาพสะท้อนการปะทะกันของอำนาจอีกครั้ง
โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย
การยึดหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลายเป็นภาพสะท้อนการปะทะกันของอำนาจอีกครั้ง
เพราะในทางปฏิบัติ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีหนังสือเดินทางของประเทศอื่นอีก การเดินทางในต่างประเทศก็ไม่ได้รับผลกระทบ
ทว่า ทั้งหมดเป็นการส่งสัญญาณการประดาบที่เกิดขึ้น อันเป็นผลต่อเนื่องจากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปสัมภาษณ์ในต่างแดนและส่งผลกระทบเข้ามาถึงไทย
กระทรวงการต่างประเทศจึงอาศัยอำนาจในการยึดคืนหนังสือเดินทาง จากข้อเสนอของฝ่ายความมั่นคง
นอกจากนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังมีการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีอาญาในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อีกด้วย
เรียกว่ามาเป็นชุดใหญ่
ประเด็นการยึดหนังสือ เดินทางนี้ หากจำกันได้สมัย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ ในรัฐบาลประชาธิปัตย์ก็มีการยึดหนังสือเดินทาง พ.ต.ท.ทักษิณ มาแล้ว
แต่หลังการเลือกตั้งใหญ่ และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามาเป็นนายกฯ สมัยรัฐบาลเพื่อไทย ก็มีการคืนหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ
ครั้งนั้น แม้ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาจะมีหนังสือท้วงติงว่า การคืนหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยยกเหตุผลว่าเป็นการขัดระเบียบว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง ที่ห้าม
ไม่ให้ออกให้ผู้ต้องหาคดีอาญา
แต่รัฐบาลขณะนั้นก็ยังยืนยันจะออกให้ โดยยกเอาระเบียบการออกหนังสือเดินทางมาใช้ว่า อยู่ในอำนาจของกระทรวงการต่างประเทศ
เอาล่อเอาเถิดกันมาตลอด
พอมาถึงขณะนี้ที่มีการยกเลิกหนังสือเดินทางอีกครั้ง สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถ้ากลับมาเป็นรัฐบาลอีกก็จะคืนหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนเดิม
เป็นการประกาศล่วงหน้าถึงความมั่นใจ ถ้าเลือกตั้งเมื่อใดก็จะกลับมาเป็นรัฐบาลเมื่อนั้น
และมองดูให้ดี ทั้งหมดยังมีความนัยที่แฝงอยู่ โดยอาจไม่มีแค่การคืนหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น
ส่วนมีอะไรที่จะตามมาบ้าง
คงต้องมโนและจินตนาการกันเอง