คาถาของเคนส์

โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย

ปีนี้คงต้องทำใจแล้วว่าเศรษฐกิจจะไม่กระเตื้องขึ้น

สิ่งที่ชี้ชัดก็คือตัวเลขการส่งออกล่าสุดเดือน ก.ค.ยังหดตัว ทำให้ 7 เดือนแรกของปีการส่งออกคงอยู่ในแดนลบ โดยอีก 5 เดือนที่เหลือคงเลิกหวังได้

ภาระสำคัญของรัฐบาลใหม่ก็คือ ต้องทำให้เศรษฐกิจกระเตื้อง ท่ามกลางภาวะการส่งออกที่เป็นตัวกระตุ้นหลัก กลายเป็นปัจจัยที่ไม่แน่นอน

ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลใหม่วางแผนไว้ก็คือการเตรียมร่ายคาถาของ เคนส์

เคนส์ ที่ว่าก็คือ จอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษ ปรมาจารย์เศรษฐศาสตร์มหภาคนั่นเอง

แนวคิดของ เคนส์ ก็คือในระบบเศรษฐกิจมีเครื่องยนต์สำคัญอยู่ 4 ด้าน คือ การส่งออก การใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชน การใช้จ่ายของประชาชน

เมื่อเกิดปัญหาเศรษฐกิจซบเซา กลไกอื่นๆ ไม่ทำงาน รัฐบาลต้องมีหน้าที่ในการเข้าไปกระตุ้นและทำให้เศรษฐกิจติดเครื่อง

ภาครัฐต้องใช้จ่ายผ่านการทำงบประมาณขาดดุล ทำให้ปริมาณเงินในระบบหมุนเวียนเพิ่มขึ้น กระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน ส่งผลต่อเนื่องถึงการบริโภคของภาคเอกชน เป็นผลดีต่อภาคการผลิตสินค้าและบริการ

ทั้งหมดจะช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนและขยายตัวทางเศรษฐกิจ

สำหรับการใช้จ่ายของรัฐบาลใหม่ที่มีการพูดถึงบ้างแล้ว คือ การประกันข้าวเกวียนละ 9,000 บาท เพื่อให้เกษตรกร ชาวนามีเงินเพียงพอ

เมื่อชาวนามีเงินก็จะใช้จ่ายเกือบทั้งหมด ทำให้เงินหมุนเวียนจากระดับไร่นาขึ้นมาเรื่อยๆ หลายรอบ

ถัดจากนั้น รัฐบาลใหม่จัดทำแผนการลงทุนครั้งใหญ่ผ่านโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 2.4 ล้านล้านบาท มีการก่อสร้างทั้งถนน รถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ ฯลฯ

แต่ถึงแม้รัฐบาลดูจะมีแนวทางที่ชัดเจน แต่ประเด็นสำคัญก็คือเงินที่จะใช้จ่ายมีไม่มากนัก โดยงบการลงทุนในปีงบประมาณ 2558 มีอยู่แค่ 4.5 แสนล้านบาท กระจายไปตามกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ

การขับเคลื่อนด้วยงบประมาณที่จำกัด ย่อมได้ผลที่จำกัดไปด้วย

แนวคิดที่จะทำก็คือ การเปิดให้เอกชนมีส่วนร่วมการลงทุนในโครงการต่างๆ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าจะเกิดขึ้นในโครงการไหน อย่างไรบ้าง

ทั้งหมดคงต้องเร่งมือสร้างความเชื่อมั่น ทำให้เงินหมุนออกมาอย่างรวดเร็ว โดยไม่ใช่เป็นแผนระยะยาวอย่างแน่นอน

ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เคนส์ เคยบอกไว้ว่า รัฐบาลต้องเข้าไปในระบบเศรษฐกิจ ไม่ใช่ให้กลไกตลาดปรับตัวในระยะยาว

คำพูดอมตะของ เคนส์ ก็คือ In the long run, we are all dead หรือ ถ้ารอนานไปก็คงตายกันหมด

และครั้งนี้คงต้องหวังว่าคาถาของเคนส์จะขลังเหมือนเดิม