อภิมหามุสาระดับโลก

โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย

พฤติกรรมปากอย่างใจอย่างเห็นได้ชัดจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลโดยถ้ามีความจริงใจ ชาวนาไม่ต้องประท้วงปิดถนน ทวงเงินค่าข้าวเหมือนกับที่ลำบากลำบนอยู่ในขณะนี้

สาเหตุเนื่องจากในการรับจำนำข้าวฤดูการผลิต 2556/2557 มีการตั้งงบประมาณ 2.7 แสนล้านบาท

เงินดังกล่าวจะให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ออกพันธบัตรกู้เงินโดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน 1.4 แสนล้านบาท ที่เหลือเป็นเงินจากการขายข้าว

แต่ความหวังเงินจะได้เงินจากการขายข้าวคงยาก เพราะข้าวเน่าเต็มโกดังแถมราคาแพง ส่วนข้าวคุณภาพดีก็งุบงิบขายให้พ่อค้าบางกลุ่มไป

รัฐบาลจึงเหลือทางเลือกในการออกพันธบัตร ซึ่งจะจ่ายหนี้ค่าข้าวได้หมดและมีเวลาตั้งแต่เดือน ต.ค.ปีที่แล้ว ก่อนการยุบสภา

แต่รัฐบาลดันไม่ทำเสียอีก

รัฐบาลกลับไปกันวงเงินกู้เพื่อใช้สำหรับโครงการก่อสร้าง 2 ล้านล้านบาท แทนเสียนี่ จึงไม่เหลือวงเงินกู้สำหรับจ่ายหนี้ค่าข้าว

นั่นหมายความว่า รัฐบาลเห็นโครงการก่อสร้าง 2 ล้านล้านบาท สำคัญกว่าการจ่ายหนี้ให้ชาวนา

ยิ่งคิดก็คงต้องนั่งเช็ดปาก เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท มันแสนอร่อย เมื่อเทียบกับเอาเงินไปจ่ายหนี้ชาวนาแล้ว ไม่ได้ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำสักสลึง

หนี้ชาวนาก็ติดไปก่อน แต่โครงการ 2 ล้านล้านบาท ขอจึ๊กให้จั๋งหนับ

แต่นั่นแหละ เวรกรรมมีจริง

เพราะรัฐบาลดันไปยุบสภา พอจะเลือกตั้ง หันมาอีกที อ้าวดันติดหนี้ชาวนาเอาไว้ ไม่ได้จ่าย

คราวนี้ต้องวิ่งขาขวิด ส่ายหัวส่ายหางเร่งหาเงิน

อาการพิรุธ งุบงิบ หลอกชาวนาเลยยิ่งแสดงออกมาชัด โดยเฉพาะเมื่อมีการประชุมคณะกรรมการบริหารหนี้สาธารณะ ตัดลดวงเงินก่อหนี้ในโครงการก่อสร้าง 2 ล้านล้านบาท ลง 1.2 แสนล้านบาท โดยโยกหนี้ดังกล่าวมาใช้สำหรับการจ่ายหนี้ค่าข้าว

นี่แหละคือหลักฐานที่ฟ้องให้เห็นชัดว่าเงินหนี้ค่าข้าว ถูกผันเอาไปใช้ในโครงการก่อสร้าง 2 ล้านล้านบาท เลยไม่มีเงินจ่ายหนี้ให้ชาวนา

แต่แม้จะวิ่งจนหัวหมุน ปัญหาหนี้ชาวนาก็ไม่จบเพราะติดขัดรัฐธรรมนูญ ที่ห้ามรัฐบาลรักษาการใช้จ่ายเงินที่ไปกระทบถึงรัฐบาลหน้า

สุดท้ายเลยต้องใช้วิธีหน้าทน โกหกซึ่งหน้าไปวันๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่พูดออกมาเลย

ก็โกหกไม่เลิกขนาดนี้ ติดอันดับโลกอภิมหามุสาแล้วยังไม่รู้ตัวอีก