posttoday

จุดไฟทำลายตน

24 พฤศจิกายน 2556

สภาพการณ์ ฝ่ายบริหาร และนิติบัญญัติ ภายใต้ชายคาเพื่อไทย จุดไฟทำลายตน ไม่ยินยอมให้ผู้หวังดีช่วยดับ ก็ยิ่งลุกลามไปต่อไม่ได้แล้ว รอเวลาอวสานอย่างเดียว

โดย...อสนีบาต

กล่าวได้ว่านักการเมืองไทยเป็นเผ่าพันธุ์‌ด้านได้อายอดที่สุดในโลก  ชนิดที่กินเนสส์บุ๊กควรบันทึกไว้

หลายต่อหลายครั้งจับได้ไล่ทันถึงการกระทำผิด คนพวกนี้ก็ทำตัวไม่รู้ไม่ชี้แถมพลิกพลิ้วมองผู้อื่นเป็นศัตรูไปหมด ทั้งที่คนที่ถูกกล่าวหาเป็นศัตรูล้วนหวังดีให้คำชี้แนะ ปลุกเตือนสำนึก  แต่ทว่ารัฐบาล หรือแม้แต่สภาเพื่อไทย ก็ยังคงเดินหน้าแสดงพฤติกรรมฉ้อฉล  แก้กฎหมายเอื้อประโยชน์คนคนเดียว บ่อนทำลายกระบวนการยุติธรรมอย่างไม่ได้รู้สึกรู้สาต่อเสียงท้วงติงแต่อย่างใด     

พฤติกรรมเลวร้ายนำมาซึ่งความเสื่อมทรามให้กับสังคม‌อย่างซ้ำซากถูกถ่ายทอดสู่สายตาประชาชนไม่ว่าผลักดันร่าง‌กฎหมายนิรโทษโจรทุจริตพ้นคุกหรือไม่ว่าเป็นความพยายามเล่นแร่แปรธาตุยัดวาระร่างกฎหมายปรองดองไว้ถึงหกฉบับ ‌สุดท้ายต้องสั่งการไอ้เสือถอยไม่เป็นขบวน

แม้แต่การยกมือสนับสนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ 3 ป.  ปลอมแปลง  ปิดปาก แปดเปื้อน มุ่งหวังให้ผัวเมียลูกน้องคนขับรถได้ลง‌เลือกตั้งมาเป็นวุฒิสภาสมัยหน้า  ในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกระทำการขัดรัฐธรรมนูญหลายมาตรา‌  แทนที่ข้าทาสบริวารเพื่อไทยจะสำนึก  กลับเหิมเกริม ไม่ยอมรับอำนาจศาล ท้าตีท้าต่อยสถาบันตุลาการด้วยการฟ้องร้อง‌จ้องเอาผิดลามปามไปถึงขั้นตั้งข้อหาศาลรัฐธรรมนูญกระทำ‌การหมิ่นสถาบันตามมาตรา112

นี่มันเป็นคนปกติหรือคนบ้าอำนาจสติฟั่นเฟือนทางกฎหมายแน่

ทั้งที่เป็นผู้แทนปวงชาวไทย ต้องเป็นแบบอย่างของผู้ทำหน้าที่ในฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ แต่กลับไม่ยอมรับกฎหมายกบิลเมือง‌เสียเอง ไม่ต่างกับเจ้านายนอกประเทศที่ไม่ยอมรับคำ‌ตัดสินหนีคุก

เมื่อสร้างแบบอย่างอันเลวร้าย ประชาชนก็สามารถตั้งคำถามถึงรัฐบาลและนิติบัญญัติได้เช่นเดียวกันว่า ในเมื่อรัฐบาล และนิติบัญญัติไม่ยอมรับตุลาการอันที่องค์กรถ่วงดุลตรวจสอบตัดสินความขัดแย้ง  ประชาชนก็มีสิทธิไม่ยอมรับฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติได้เช่นเดียวกัน

ผ่านมาถึงวันนี้ กลุ่มคณะเพื่อไทยหาได้พึงสำนึกความผิดแต่อย่างใด  ยังคงพร่ำเพ้อมีขบวนการอำมาตย์กลั่นแกล้งจ้องล้ม‌ล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย   ฟังแล้วน่าสมเพชเวทนา เพราะคำกล่าวทั้งหลายแหล่ย้อนกลับทำลายพวก‌ตนเองมากกว่า

เกือบสิบปีเห็นจะได้ เหล่าคณะลุแก่อำนาจ พยายามวาดภาพอำมาตย์ขึ้นมา  แต่เคยนำพยาน‌หลักฐานชี้ชัดได้หรือไม่มีตัวตนอยู่ที่ไหน   ไม่ต่างกับระบอบประชาธิปไตยที่ตนเองประกาศปกป้อง แต่ที่แท้จริง‌คือประชาธิปไตยพวกมากลากไปสร้างแบบอย่างเผด็จการเสียงข้างมากนี่เอง

คำก็บอกว่ามีคนกลั่นแกล้ง คำก็บอกว่ามีอำมาตย์จ้องล้มอำนาจรัฐบาลเพื่อไทย    น่าขำเสียกระไร ทั้งที่มีเสียงข้าง‌มากในสภาแท้ๆ  แทนที่บริหารจัดการพาชาติเดินไปสู่ความเจริญก้าวหน้า แต่พวกท่านมิใช่หรือจุดชนวนความวุ่นวายจน‌ทำให้ประชาชนออกมาต่อต้านมากมายขนาดนี้

เคยเขียนแนะนำด้วยความหวังดีกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง   ตั้งแต่เริ่มเข้ามาบริหารประเทศ คนเป็นนายกรัฐมนตรีมิใช่หรือกล่าวสัตย์ป‌ฏิญาณจะทำหน้าที่บริหารประเทศด้วยความซื่อสัตย์สุจริต  มีการแถลงข่าวจะทำประโยชน์เพื่อประชาชนคนไทยไม่ทำ‌ประโยชน์ให้คนใดคนหนึ่ง แต่ภาพความเป็นจริงกลับเดินตามคำสั่งของคนหนีโทษในต่างแดน   ในจังหวะของบริหารประเทศเสแสร้งอ้างว่ากำลังทำเพื่อประโยชน์คนส่วนใหญ่    แต่ทุกย่างก้าวมีวาระซ่อนเร้นด้วยกัน‌ทั้งสิ้น

ทบทวนให้ดี หากบริหารชาติด้วยความโปร่งใส ยอมรับฟังความคิดเห็นทุกหมู่เหล่าเพื่อเดินหน้าไปพร้อมกัน  ‌จะไม่เกิดปัญหาความวุ่นวายในบ้านเมือง

สภาพการณ์ ฝ่ายบริหาร และนิติบัญญัติ ภายใต้ชายคาเพื่อไทย จุดไฟทำลายตน ไม่ยินยอมให้ผู้หวังดีช่วยดับ ก็ยิ่งลุกลามไปต่อไม่ได้แล้ว รอเวลาอวสานอย่างเดียว