ม็อบไม่ติดรอวันดับ
การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อควบคุมการชุมนุมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.)
โดย...ชัยรัตน์ พัชรไตรรัตน์
การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อควบคุมการชุมนุมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) หลังยกพลมาปักหลักหน้าทำเนียบรัฐบาล เพราะไม่เห็นด้วยกับ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ลงนามนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา สว. ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย
ดูเหมือนสัมฤทธิผลทันตา เพราะ กปท.ยอมสลายตัวกลับพื้นที่สวนลุมพินีแต่โดยดี ด้วยเหตุผลเพื่อรักษาภาพลักษณ์ประเทศ ช่วงการเยือนไทยอย่างเป็นทางของ “หลี่เค่อเฉียง” นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 11-13 ต.ค. ยกเว้นบางส่วนแยกตัวไปเกาะกลุ่มชุมนุมบริเวณแยกอุรุพงษ์
ขณะที่รัฐบาลทำสัญญาใจอนุญาตให้กลับมารวมตัวใหม่อีกครั้ง หลังเสร็จสิ้นภารกิจเยือนไทยของนายกฯ จีน หากประเมินจากภาพรวมต่างๆ ถือได้ว่าเป็นหนังสั้น ซึ่งจบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ทว่า การสลายตัวเมื่อวันที่ 10 ต.ค.นั้น มีนัยสำคัญให้ต้องจับตาพิเศษ
เพราะตรงกับวันที่ ไทกร พลสุวรรณ พิเชษฐ พัฒนโชติ สมบูรณ์ ทองบุราณ ถูกขึ้นศาลอาญาพิจารณากรณีกระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราว เนื่องด้วยวันที่ 4-5 ส.ค. ทั้ง 3 ในฐานะแกนนำ กปท. ได้ชุมนุมและขึ้นเวทีปราศรัยบริเวณลานพระบรมรูป รัชกาลที่ 6 โจมตีรัฐบาล โดยศาลนัดฟังคำตัดสินในวันที่ 16 ต.ค.นี้
ซึ่งทั้ง 3 คน ต้องคดีร่วมกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กรณีปิดล้อมสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อปี 2551 จึงอาจเป็นหนึ่งเหตุผลให้ กปท.ยอมยุติชุมนุม หากใช่เช่นนั้นจริง ดังนั้น ทุบโต๊ะ เลยว่าจากนี้เป็นเรื่องยากลำบากให้แกนนำจุดมวลชนกลับเข้าร่วมต่อจากนี้ เพราะลำพังท่าทียังไร้ทิศทางชัดเจนจะเดินหน้าล้มรัฐบาลอย่างไร ซึ่งคงทำได้เพียงนับเวลาถอยหลังรอวันอวสาน