posttoday

เจาะเวลาควานหาผลงาน

23 กันยายน 2556

ทำไปทำมา ย้อนเวลา 1ปี ควานหาผลงาน ดูท่าจะกลายสภาพเป็นเวทีซักฟอกการบริหารชาติอันล้มเหลว ชนิดอ่วมอรทัยซะมากกว่า

โดย...อสนีบาต

เพราะด้วยคำถามก้องกังวานเข้าหู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาตลอด 2 ปี ทำไมหนีสภาเป็นอาจิณ    

หรือเป็นเพราะ วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์  อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาส่งสัญญาณเตือน  ” รัฐบาลกำลังบริหารราชการแผ่นดินหลายประการที่ส่อให้เห็นว่ากระทำการขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การหลบเลี่ยงไม่แถลงผลการดำเนินนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา” 

จึงทำให้เกิดรายการรับลูกจากสภาอย่างรวดเร็ว บรรจุวาระการแถลงผลการดำเนินนโยบารัฐบาลในรอบปีที่ 1 เข้าสู่ที่ประชุมสภาวันที่ 24 ก.ย.นี้  

ที่ผ่านมารัฐบาล และสภาเพื่อไทย ไม่เคยคิดร้อนรนขนาดนี้  แต่มักแสดงออกถึงความย่ามใจ อยากทำอะไรก็ได้ โดยไม่คำนึงถึงกฎหมายกบิลเมืองมากกว่า

ภาพเด่นชัดของนายกฯยิ่งลักษณ์ ออกไปในลักษณะที่สังคมกล่าวกันว่าหลงระเริงอยู่กับการทัวร์นอกโดยที่ไม่ได้สนใจใยดีหันมาเหลียวแลกิจการภายในประเทศที่กำลังอยู่ในภาวะสาละวันเตี้ยลง 

ทั้งที่ผู้คนส่งเสียงบอกกล่าวความเดือดร้อนค่าครองชีพสูงขึ้น สินค้าเกษตรตกต่ำ   เกิดการรวมตัวชุมนุมหลายพื้นที่ แม้กระทั่งการออกมาแสดงจุดยืนปกป้องผืนป่าทรัพยากรธรรมชาติในการคัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ก็เป็นไปในลักษณะของการสุมฟืนไฟจากหลายกรณีปัญหารอการลุกโชนครั้งใหญ่

จึงทำให้เหล่าครม. และส.ส.เพื่อไทย ออกอาการตื่นกลัว กลับมาตั้งหลักกระซิบข้างหูนายกฯ ให้สละเวลามาสะสางปมปัญหาค้างคาใจผู้คนในประเทศบ้าง

ล่าสุดยอมเสียสละความสุขทัวร์นอก  งดภารกิจเดินทางไปประชุมสมัชชาแห่งสหประชาชาติ ระหว่าง วันที่ 24 ก.ย.-  1 ต.ค. ที่นครนิวยอร์ค   สหรัฐอเมริกา  ทั้งที่เป็นเวทีระดับบิ๊กของผู้นำโลกชาติต่างๆมารวมตัวกัน แต่นายกฯไทยไม่เอาด้วย จะเป็นเพราะอาถรรพ์เวทีโกอินเตอร์ที่ทำให้อดีตผู้นำไทยหลายรายพ้นจากตำแหน่ง  เพราะการไปต่างประเทศจนถูกยึดอำนาจในช่วงเวลาเดียวกัน หรือ จะเป็นเพราะเป็นเวทีใหญ่เกินตัวจนเกรงว่านายกฯสมาร์ทเลดี้  อาจจะหลุดกล่าวสุนทรพจน์แทงกิ้วทรีไทมส์ ออกมาอีกรอบก็ได้

จึงทำให้เกิดวิธีคิดแบบพลิกกลับแบบปัจจุบันทันด่วน ขออยู่เมืองไทย เตรียมแถลงผลการทำงานในรอบหนึ่งปีตามด้วยวางคิวโชว์วิสัยทัศน์อนาคตประเทศ 2020 หลังร่างพ.ร.บ.เงินกู้ วงเงิน 2 ล้านล้านบาทผ่านสภา จะดีกว่าไปยืนกล่าวสปีชเวทียูเอ็น          

สำคัญกว่านั้น  แรงบีบรัดจากรัฐธรรมนูญมาตรา 75 วรรคสอง  ที่ยังคอยหลอกหลอน ให้ รัฐบาลจะต้องจัดทำรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาปีละหนึ่งครั้ง    

 อย่าลืม หลายต่อหลายปัญหากลายเป็นประเด็นปัญหาขึ้นสู่องค์กรอิสระ  ไม่ว่าจะเป็น กรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือปมปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับพวกมากลากไปที่รอการพิจารณาในศาลรัฐธรรมนูญ

เป็นเช่นนี้   หากจะมีองค์กรใดองค์กรหนึ่งยื่นเรื่องรัฐบาลไม่แถลงผลงานรัฐบาลขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนูญเข้าไปอีกดูจะเป็นภาระกวนใจรัฐบาลอยู่ไม่น้อย จึงต้องปลดชนวนเรื่องบางเรื่องออกไปให้พ้นตัว  

แม้ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์  ประธานรัฐสภา ออกมายืนกรานศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจในการชี้ผิดได้  แต่สังคมย่อมกาหน้าผากนายกฯ ยิ่งลักษณ์จะเป็นนายกฯรายแรกที่นอกจากหนีสภายังซุกผลงานรัฐบาลอีกต่างหาก   ดังนั้นอะไรที่สามารถลบรอยตำหนิได้ก็คงต้องรีบทำในเวลานี้   ดีกว่าซุกขยะให้พอกพูนไปเรื่อยๆ

*******************

แต่ครานี้ การขุดรายงานการทำงานในรอบ1 ปี ออกมาปัดฝุ่นอีกรอบ และให้สภาบรรจุวาระด่วนจี๋วันที่ 24 ก.ย.นี้ ช่างพิลึกกึกกืออยู่ไม่น้อย

ประการแรก  ผู้ทำหน้าที่เปิดฟอร์ แจกแจงการทำงานอย่างนายกฯ  ต้องบอกกล่าวผู้แทนอันทรงเกียรติ ให้รับรู้ว่า "รายงานที่จะแถลงต่อไปนี้ คือ รายงานการทำงานในรอบ 1 ปี ตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศ 23  ส.ค. 54 – 23 ส.ค. 55  หาใช่ 23 ส.ค. 56 นะค่ะ"  

ประการที่สอง ผู้ที่จะอภิปรายเสนอแนะรายงาน ทั้งส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน คงจะต้องพลิกแฟ้มหานโยบายในปีแรกของรัฐบาลมาอภิปราย

กล่าวได้ว่า นายกฯ และส.ส.เพื่อไทย รวมถึงฝ่ายค้าน เตรียมตัวนั่งเครื่องไทม์แมชีนย้อนเวลาหาความหลังร่วมกันไปติดตามดูว่า ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลบริหารชาติบ้านเมืองมีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันอะไรบ้าง

ตามไปรำลึกอดีตกันหน่อยปะไร หลังการหาเสียงขายฝันได้อำนาจเป็นรัฐบาล กระทั่งบริหารงานครบ 1 ปี นายกฯยิ่งลักษณ์  ต้องอย่าลืมที่จะแถลงถึง

-ผลงานอันโดดเด่นจนเป็นที่ประทับใจของคนในรัฐบาลสีแดง  นั่นคือ การเร่งรัดจ่ายค่าเผาเมืองให้กับญาติเหยื่อพี่น้องเสื้อแดงจนสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อื่นลุกขึ้นมาเรียกร้องขอค่าชดเชยบ้าง 

-ผลงานอันเอกอุ ด้วยการประสานญี่ปุ่นไฟเขียวให้วีซ่าอดีตนายกฯผู้เป็นพี่ชายได้เดินปร๋อในดินแดนซากุระ กลายเป็นใบเบิกทางนำไปสู่การคืนพาสปอร์ตให้อดีตนายกฯ เดินทางรอบโลกอย่างอิสระเสรี ปูทางสู่การเจรจาธุรกิจการค้าให้กับนายกฯน้องสาวที่เดินตามรอยเท้าจากนั้น

-ผลงานจากการวางแผนป้องกันมหาอุทกภัยอย่างสะเปะสะปะ  จนพี่น้องประชาชนเดือดร้อนถ้วนหน้าเฮโลบุกทำลายประตูน้ำโดยไม่สนใจรับฟังคำเตือนจากรัฐบาล   ก็มาจากความไม่เชื่อมั่นรัฐบาลถูกทำลายไปนับตั้งแต่ยิ่งลักษณ์ประกาศเอาอยู่

-หรือความพยายามสร้างผลงานออกกฎหมายปรองดองแห่งชาติ  ปลุกผู้คนแต่ละกลุ่มขึ้นมาคัดค้านสร้างความไม่ปรองดอง ทั้งที่บรรยากาศบ้านเมืองหลังเข้ามาบริหารประเทศกำลังเดินหน้าไปด้วยดี แต่ด้วยความคิดจมปลักอยู่กับการสรรหาวิธีช่วยเหลืออดีตนายกฯพี่ชายได้กลับบ้านอย่างเท่ห์ๆ   จึงทำให้เวลา 1 ปีที่ผ่านมาแทนที่จะกรุยทางสร้างความเจริญเติบโตให้บ้านเมือง  ต้องเสียเวลาเปล่าไปกับการแก้ปัญหาการชุมนุมประท้วงทางการเมืองกันอีกครา          

นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของผลงานอันแสนเพริศแพร้ว  ที่นายกฯยิ่งลักษณ์จะต้องแถลงต่อสภาฯ  ชนิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด

ปัญหาว่า อย่าออกอาการตีมึน  แถลงถึงการอนุมัติงบแสนล้านดำเนินโครงการรับจำนำข้าว   อัดฉีดเม็ดเงิน กองทุนสตรีจังหวัดละ 100 ล้าน   สามารถขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท   ข้าราชการระดับปริญญาตรีได้รับเงินเดือนขั้นต่ำ 1.5 หมื่นบาท มาโพทนาว่าได้ทำสำเร็จตามที่หาเสียง  เนื่องจากการทำตามสัญญาหาเสียงกับผลผลลัพธ์จากการดำเนินนโยบายมันมีความหมายแตกต่างกัน    อีกทั้งผลจากการทำตามสัญญานี่สิ!!!  กำลังพ่นพิษเมื่อบริหารงานเข้าสู่ปีที่สอง 

ขณะที่ การบริหารงานครบ 1 ปี ก็วนเวียนอยู่กับเสียงสะท้อนจากหลายฝ่ายต่อโครงการรับจำนำข้าวที่กำลังใกล้เจ๊ง บัญชีหนี้ขึ้นตัวแดงบานทะโร่  หรือตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่ยอดการส่งออกลดลงอย่างต่อเนื่อง   

ทำไปทำมา ย้อนเวลา 1ปี ควานหาผลงาน  ดูท่าจะกลายสภาพเป็นเวทีซักฟอกการบริหารชาติอันล้มเหลว ชนิดอ่วมอรทัยซะมากกว่า