ผลที่ตามมา

โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย

การเลือกตั้งซ่อมเขต 12 ดอนเมือง แทนคุณ จิตต์อิสระ พรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 8 ชนะเลือกตั้งอย่างฉิวเฉียด ได้ 32,710 คะแนน

ส่วน ยุรนันท์ ภมรมนตรี พรรคเพื่อไทย เบอร์ 9 ได้ 30,624 คะแนน เฉือนกันแค่ระดับ 2,000 คะแนน

เขตเลือกตั้งแห่งนี้ เดิมทีเป็นของพรรคเพื่อไทย แต่หลังจากการุณ โหสกุล พ้นสภาพ สส. ทำให้เกิดการเลือกตั้งซ่อม

สิ่งที่น่าสนใจของการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ก็คือ คะแนนเสียงที่แพ้ชนะกัน ไม่แตกต่างจากเดิมนัก

การเลือกตั้งใหญ่ครั้งก่อนเมื่อปี 2554 การุณเคยชนะด้วยคะแนน 38,351 คะแนน ส่วนแทนคุณ 30,675 คะแนน

ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งเมื่อปี 2554 ในเขตนี้มีทั้งสิ้น 77,358 คน ขณะที่ล่าสุดมีผู้ใช้สิทธิ 66,373 คน

นั่นหมายความว่า ฐานคะแนนเสียงทั้ง 2 พรรค ไม่แปรเปลี่ยน แต่ทว่าจะแพ้ชนะอยู่ที่ประชาชนคนกลางที่เป็นตัวแปร

นี่อาจจะเป็นสัญญาณจากคนดอนเมืองส่งออกมาอีกครั้ง หลังจากที่คนกรุงเทพฯ เคยประกาศเสียงดังฟังชัดมาแล้ว คราวเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งล่าสุด

สัญญาณที่ว่าก็คือ การไม่พอใจต่อรัฐบาล

ทุกสนามเลือกตั้ง และทุกครั้งในการเลือกตั้งสนาม กทม. สิ่งที่เป็นตัวแปรสำคัญคือคนชั้นกลาง ซึ่งถือเป็นคนกลุ่มใหญ่ใน กทม. ที่ได้รับข้อมูล ข่าวสารมากที่สุด

คะแนนเหล่านี้จึงเป็นตัวแปรสำคัญให้เกิดปรากฏการณ์ต่างๆ มากมายในสนามเลือกตั้ง

ในการเลือกตั้งซ่อมที่ดอนเมือง เสียงคนที่เป็นตัวแปรก็ส่งสัญญาณอีกครั้งว่า ไม่เอาด้วยกับสิ่งที่รัฐบาลทำ เป็นการประกาศชัดเจนในพื้นที่ยึดครองของเพื่อไทย

ความไม่พอใจของคน กทม. รวมถึงในสนามเลือกตั้งดอนเมือง มาจากสารพัดปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของแพง ปัญหาการทุจริตและขาดทุนจากโครงการข้าว ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลก็คือ ชัยชนะที่สนามเลือกตั้ง กทม.จะนำมาสู่การเดินหน้าโครงการประชานิยมอย่างหนักต่อไป โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ประชาชนในต่างจังหวัด

อาทิ โครงการรับจำนำข้าวที่ดูแล้วอย่างไรเสียก็ไม่มีเลิก แม้ว่าจะประสบผลขาดทุนอย่างหนัก รวมถึงสารพัดการทุจริต

สาเหตุเนื่องจากคะแนนเสียงของรัฐบาลในเขตเมืองใหญ่ อาทิ กทม.กำลังถดถอย จึงจำเป็นต้องตรึงและขยายฐานคะแนนเสียงในต่างจังหวัดให้มากที่สุด

หากมีการเลือกตั้งใหม่ ต่างจังหวัดโดยเฉพาะภาคอีสาน และภาคเหนือ ยังคงเป็นฐานสำคัญให้รัฐบาลคงความได้เปรียบ

ทั้งหมดทำให้อภิมหาประชานิยมยังคงเดินหน้าต่อไป

ทว่า ความเสี่ยงของเศรษฐกิจและประเทศกลับเพิ่มทวีมากขึ้นทุกขณะ