ปลดผู้ว่าแบงก์ชาติ

โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย

กระแสข่าวที่น่าจับตาอย่างยิ่งก็คือการปลด ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ออกจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ

ไม่ว่าจะเป็นข่าวการประชุม ครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มีวาระไม่เปิดเผย เข้าขั้นเร้นลับ หารือเกี่ยวกับการปลดผู้ว่าแบงก์ชาติ

หรือล่าสุด วีรพงษ์ รามางกูร ที่ปรึกษาใหญ่ของรัฐบาลที่นั่งเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ก็บอกออกมาว่า รัฐบาลมีอำนาจปลดผู้ว่าแบงก์ชาติได้

ความจริงการปลดผู้ว่าแบงก์ชาติ รัฐบาลมีอำนาจทำตามเต็มที่ โดยคณะกรรมการแบงก์ชาติ หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้เสนอ ครม.ให้ปลด

แต่ทว่ามีเงื่อนไขเดียวก็คือ การเสนอปลด จะต้องแจกแจงความบกพร่องในหน้าที่ หรือความผิดของผู้ว่าแบงก์ชาติด้วย

นี่แหละคือประเด็นสำคัญ

หากการเสนอปลดไม่มีข้อมูลสนับสนุนที่เพียงพอ ใครที่ทำก็ต้องรับผิดชอบ

ลำพังการระบุว่าค่าเงินบาทแข็ง สร้างปัญหา คงเป็นข้อมูลที่ไม่พอ เนื่องจากภาพรวมทางเศรษฐกิจ อัตราการเติบโตยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขเงินเฟ้อ หรือของแพงก็ลดลง อันเนื่องจากบาทแข็ง

การปลดผู้ว่าแบงก์ชาติ โดยเอาเฉพาะเหตุผลว่าสั่งแล้วไม่ฟัง หรือเหม็นหน้า คงไม่พอเพียงแน่นอน

ในอดีตมีการปลดผู้ว่าแบงก์ชาติหลายครั้ง ที่เกี่ยวพันกับเรื่องค่าเงิน คือสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี สมหมาย ฮุนตระกูล เป็นขุนคลัง และ นุกูล ประจวบเหมาะ เป็นผู้ว่าแบงก์ชาติ

ขณะนั้นประเทศต้องการการฟื้นตัว จากนโยบายส่งเสริมการลงทุน ส่งเสริมการส่งออก และการท่องเที่ยว จึงต้องการแรงกระตุ้นจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่เกิดความเห็นไม่ลงรอยกัน สุดท้ายนำมาซึ่งการปลด นุกูล

และทั้งหมดโดยไม่ใช่เรื่องแปลก ทุกฝ่ายต่างยอมรับในความรู้ ความสามารถของทั้งสมหมาย ทั้งนุกูล

และแน่นอนการปลดนุกูล มีเงื่อนปมสำคัญคือความถูกต้อง ชอบธรรม

เริ่มจาก พล.อ.เปรม ในฐานะผู้นำรัฐบาล มีภาพความซื่อสัตย์ สุจริต สติปัญญาครบถ้วน ไม่ใช่เป็นนอมินี ของใคร

ขณะเดียวกัน สมหมาย เป็นขุนคลังที่ได้รับการยกย่องในความสุจริต ไม่เคยโกหก ไม่ได้ประกาศจะฟาดปากใครที่ไม่เห็นด้วย มุ่งรักษาเสถียรภาพการคลัง รักษาบ้านเมืองในระยะยาว ไม่ใช่เอาแต่กู้ชูแต่ประชานิยม

การปลดผู้ว่าแบงก์ชาติ จึงต้องได้รับการยอมรับ และถูกต้อง เป็นธรรม

ไม่เช่นนั้น กรรมจะไล่ล่า ไล่จิกตามหลอกหลอนเป็นรายตัว