กรรมตามสนอง

โดย....อสนีบาต

ผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ชัยชนะตกเป็นของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เบอร์ 16 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กลายเป็นผู้ว่าฯ กทม. 2 สมัยติดต่อกัน

นอกจากสารพัดสัญญาตามที่ติดป้ายโชว์หราตามท้องถนนต้องทำให้ได้ตามที่หาเสียง การกลับมาเป็นผู้ว่าฯ สมัยที่ 2 นับเป็นความท้าทายกำลังสองมากกว่าคนที่ยังไม่เคยสัมผัสตำแหน่งนี้

ผู้เคยนั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.มาก่อนย่อมรับรู้สภาพปัญหาต่างๆ ตลอด 4 ปี เมื่อพี่น้องกทม.มอบความไว้วางใจให้อีก 4 ปีจะหาคำแก้ตัวอีกไม่ได้ว่าไม่เคยทำงานนั้นงานนี้มาก่อน มีแต่จะต้องเร่งสานต่อภารกิจตกค้างพร้อมกับบุกเบิกงานใหม่ให้เป็นผล   

การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ไม่ใช่แค่สร้างความมันส์บนเวทีต่อรอง แต่มีผลไปถึงการดำเนินงานการเมืองกำหนดอนาคตประเทศไทย

ประการแรกชี้ให้เห็นการขับเคลื่อนของพรรคการเมืองยังมีอิทธิพลต่อการเมืองไทย เพราะผลคะแนนเป็นไปตามคาดในลักษณะผู้สมัครสวมเสื้อพรรคการเมืองประชาธิปัตย์และเพื่อไทยชิงอันดับ 1 และ 2 โดยผู้สมัครอิสระกระเด็นตกเวที การระดมนักการเมืองยี่ห้อพรรคช่วยหาเสียงสร้างความได้เปรียบกว่าผู้ไม่สังกัดพรรค  ที่สำคัญการวางฐานเสียงผ่าน สส. สก. สข.คือต้นทุนเดิมที่นอกจากขาดไม่ได้ยังต้องรักษาไว้ให้เหนียวแน่น

จริงอยู่ในอดีต ผู้สมัครอิสระเคยประสบความสำเร็จ แต่ต้องพิจารณาถึงสถานการณ์การเมืองขณะนั้นมีเรื่องของความเบื่อหน่ายพรรคการเมือง และกระแสเลือกคนมากกว่าเลือกพรรค  แต่ พ.ศ.นี้ต้องยอมรับเป็นผลสืบเนื่องจากมหากาพย์ต่อสู้ทางการเมืองนำไปสู่ความขัดแย้งสร้างตำนานรักในรอยแค้น ดึงให้คนหันไปเลือกข้างพรรคการเมือง

กล่าวถึงสถาบันโพล สักหน่อยเถอะครานี้สร้างปรากฏการณ์ตอกย้ำความหน้าแหกเพราะเป็นความผิดพลาดเหมือนการเลือกตั้งทั่วไปที่ชี้ว่า ปชป.พ่ายเพื่อไทยแต่ผลคะแนนออกมากลับตาลปัตร   กล่าวกันปากเปียกปากแฉะ ครั้งนี้ก็ต้องกล่าวต่อ “ถึงเวลาหรือยังที่สถาบันทำโพลมีชื่อเสียงต้องทบทวนหาเหตุบกพร่องก่อนจะโดนฝังลงดินให้เป็นแค่โพลไร้คุณภาพ

คราวนี้หันมาพิจารณาภาพใหญ่ทางการเมือง แน่นอนเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาเช่นนี้เป็นคำตอบว่า คนกรุงเทพฯ ยังคงนิยมพรรค ปชป.จะด้วยเหตุภาพฝังใจในครั้งนักการเมืองพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำปลุกระดมผู้คนมาชุมนุมสร้างความวุ่นวายเป็นเหตุให้เกิดการเผาบ้านเผาเมือง

ตอกย้ำการปรากฏชื่อแกนนำผู้ชุมนุมจะมาเป็นทีมรองผู้ว่าฯทำให้คน กทม.เกิดอาการหลอนซ้ำซาก เรียกว่าแทนที่จะทิ้งไพ่ใบสุดท้ายด้วยภาพสวยกลับแหกโค้งลงเหวฉุดคะแนนจูดี้หายไป 

กับประเด็นนี้ จตุพร ออกมาชี้แจง ปฏิเสธไม่เป็นความจริงแต่เป็นการปล่อยข่าวของฝ่ายตรงข้ามในโลกไซเบอร์ ใช้วิธีหาเสียงแบบฉ้อฉล  แต่ช้าก่อน  จตุพร ถนัดแต่เป็นพนักงานโรงน้ำแข็งจนลืมโลกของความจริงไป เหมือนอย่างที่หลายคนวิจารณ์ โกหกบ่อยจนโกหกตัวเอง 

เรื่องของเรื่อง มีคนรับรู้มาก่อนกับความพยายามของแกนนำผู้ปลุกระดมสร้างความวุ่นวายในเมืองหลวงหมายเข้าไปได้ตำแหน่งในลานเสาชิงช้า เพราะแม้ไม่ใช่จตุพรแต่มีคนอื่นที่ต้องการ  

ความจริงแบบนี้ต่อให้จตุพรรู้ แต่ธรรมชาติของพวกสีเดียวกัน พรรคเดียวกัน จะออกมาสารภาพต่อสาธารณะหรือ ยิ่งในจังหวะหาเสียงโค้งสุดท้ายช่วงจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็ม 

เมื่อคนในพรรครู้ มีหรือจะไม่หลุดมาถึงหูคนนอก เรื่องนี้จึงเป็นลักษณะ ไม่มีมูลสุนัขไม่อุจจาระ

อีกประเด็น  จตุพร ไม่ได้ยินการปราศรัยของเกลอเกรียน ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ในวันหาเสียงโค้งสุดท้ายหรือ  ที่พาดพิงฝ่ายตรงข้าม ว่าบังอาจกล่าวหาเหล่าแกนนำเป็นพวกปลุกระดมเผาบ้านเผาเมือง โดยตอกย้ำฝ่ายตรงข้ามหรือพวกที่เลือก  สุขุมพันธ์ จะได้รับการลงโทษผ่านการเลือกตั้งถึงขั้นวิบัติ 

ด้วยพฤติกรรมการกระทำของเหล่าแกนนำ  วาจาทำลายตนแท้ๆ

จตุพร - ณัฐวุฒิ ควรสำนึกได้ แต่อย่างว่าการถามหาสำนึกผิดชอบชั่วดีจากเหล่าแกนนำคงยาก  แต่ที่แน่ๆ พฤติกรรมวันปราศรัยถูกตีแผ่ไปถึงพี่น้องชาวกทม. ทุกชนชั้นต้องถูกเหมารวมดึงเข้าไปอยู่ในเกมสาดโคลนให้วิบัติ  ยิ่งปลุกอารมณ์เพิ่มความชิงชังนักการเมืองเหล่านี้มากขึ้นอีก  ผลจึงกระทบชิ่งไปถึงพงศพัศ ต้องร่วงเสาชิงช้าไปด้วย 

ขอบอกอย่างไม่เกรงใจเป็นเรื่องที่คนในพรรคเพื่อไทยก็อึดอัดพฤติกรรมแกนนำแดงถึงทุกวันนี้   

อีกอย่างสโลแกนไร้รอยต่อไม่อาจหลอกคนกรุงได้ เนื่องจากกรอบอำนาจหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม.ไม่สามารถทำตามนโยบายลดแลกแจกแถมได้ทั้งหมด แต่เป็นหน้าที่รัฐบาลชัดเจน 

ส่วนกลวิธีชิงหัวใจชาว กทม.นาทีสุดท้ายของ ปชป. ส่วนหนึ่งมาจากจดหมายน้อยการเปิดใจของหัวหน้า ปชป.และคุณชายหมูพร้อมเข็นป้ายหาเสียงคาดชมพูเตือนความจำประชาชนกับเหตุการณ์ทางการเมืองในอดีตจึงมีผลดูดคะแนนกลับมาเช่นกัน

ถึงอย่างไรก็ตาม หากเทียบกับผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 4 ปีที่แล้วอันดับ 1 และ 2 ห่างกันมาก แต่ครั้งนี้คะแนน พล.ต.อ.พงศพัศ ตามติดคุณชายหมูโดยทั้งสองได้คะแนนแตะหลักล้านเสียงขึ้นไป  ถึงจูดี้จะแพ้แต่ส่งสัญญาณการดำเนินงานทางการเมืองของ ปชป.จากนี้ไปอย่าประมาทพรรคเพื่อไทยในสนามเมืองหลวงเด็ดขาด