แย่...อมตะ
ข่าวร้ายมาอีกแล้ว โดยเป็นข่าวเล็กๆ แต่ทว่า จะส่งผลกระทบในวงกว้าง
โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย
ข่าวร้ายมาอีกแล้ว โดยเป็นข่าวเล็กๆ แต่ทว่า จะส่งผลกระทบในวงกว้าง
นั่นคือการที่กระทรวงเกษตรของสหรัฐ คาดการณ์ว่า การค้าข้าวโลกในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 36.115 ล้านตัน โดยลดลงจากเดิม 6.22%
สาเหตุสำคัญมาจากผลผลิตข้าวมีมากขึ้น ขณะที่ความต้องการกลับลดต่ำลง
ผลที่ตามมาก็คือ ตลาดยังเป็นของผู้ซื้อ ไม่ใช่เป็นของผู้ขาย โดยราคาข้าวในตลาดโลก จะลดต่ำลงกว่าเดิม
ผู้ส่งออกข้าวอย่างเวียดนามตั้งเป้าส่งออกข้าวให้ได้อย่างน้อย 7.5 ล้านตัน โดยลดลงกว่าปีที่ผ่านมา ภาวะตลาดค้าข้าวโลกที่หดตัวลงนั่นเอง
ภูมิภาคที่สำคัญต่อการค้าข้าวอย่างเอเชีย ประเทศที่เคยนำเข้าข้าวจะลดการนำเข้า และเร่งผลผลิตของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย
แต่ประเทศผู้ส่งออกจะเพิ่มปริมาณการผลิตสวนทางกัน
ในไตรมาสแรกนี้ เวียดนามเริ่มได้รับผลกระทบจากคำสั่งซื้อข้าวที่มีไม่มากนัก แต่ผลผลิตข้าวจะเก็บเกี่ยวได้เร็วขึ้น
ที่สำคัญ เวียดนามยังมีคู่แข่งสอดแทรกเข้ามาคือพม่า
ล่าสุดอินโดนีเซียก็ยังหันไปซื้อข้าวจากพม่าที่มีราคาถูก 3 แสนตัน และอาจเพิ่มปริมาณอีกในภายหลัง
นี่แหละ คือทิศทางข้าวในตลาดโลก ที่ราคาลดต่ำ ขณะที่ผลผลิตมีมากขึ้น
ทั้งหมดจะยิ่งทำให้นโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลประสบปัญหา เนื่องจากมีต้นทุนแพง ทำให้ส่งออกไปตลาดโลกไม่ได้
สิ่งที่ตามมาคือภาระการเก็บสต๊อกข้าวที่มากขึ้น
ปีก่อนสต๊อกข้าวของรัฐบาลทะลุ 10 ล้านตันข้าวสารไปเรียบร้อยแล้ว และปีนี้การดำเนินนโยบายข้าวต่อไปตัวเลขสต๊อกจะต้องเลยถึงระดับ 20 ล้านตัน
และคงเป็นไปได้ยากกับความหวังจะส่งออกข้าวมากๆ จากสภาพการณ์ที่เป็นอยู่
นโยบายข้าวจึงไม่ต่างจากดินพอกหางหมู ยิ่งนานวัน ภาระยิ่งมากปัญหายิ่งขยายตัว และหนี้สินก็สุมหัวพอกพูนเป็นเงาตามตัว
แต่รัฐบาลยืนยันเสียงแข็งเป็นปูสามขาว่า นโยบายจำนำข้าวถูกต้องและเดินหน้าต่อไป
และนโยบายข้าวไม่เพียงแต่สร้างภาระขาดทุนเท่านั้นแต่สิ่งที่ยังเป็นอยู่คือการปิดบังความจริง
ไม่ว่าจะเป็นสัญญาข้าวแบบรัฐต่อรัฐแบบจำบัง ไม่ว่าจะเป็นปริมาณข้าวที่แท้จริงมีเท่าใด รวมไปถึงยอดขาดทุนที่ไม่มีใครรู้แน่ชัด
สิ่งเหล่านี้ จะเป็นเหมือนการฝังกับระเบิดเอาไว้ รอแค่วันที่จะระเบิดขึ้นพร้อมๆ กัน ไม่ต้องบรรยายสภาพเลยเป็นอย่างไร
หัว กับ ตัว ได้อยู่คนละที่แน่