"ในความรัก"หนังสือที่ทักษิณควรอ่าน
กระสุนนัดนี้สั่นสะเทือนไปทั่ว พันเอกร่มเกล้าจากไปตามใบสั่งที่มีฝ่ายเสนาธิการของฝ่ายตรงข้ามวางแผนไว้แล้วอย่างดี
โดย...อสนีบาต
ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังเดินเกมแรงด้วยความพยายามจะขอพระราชทานอภัยโทษนวโรกาสสำคัญอีกรอบ ตามด้วยสมาชิกพรรคเพื่อไทยตีคู่ไปด้วยการผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม กฎหมายปรองดองแห่งชาติ หรือแม้แต่ขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เป้าหมายไม่มีอะไรมากไปกว่าความต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณได้กลับเมืองไทยอย่างเท่ห์ๆ
แม้แต่บรรดาผู้รับเคราะห์จากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง ออกมาคัดค้านการนิรโทษ แต่ด้วยความอยากกลับบ้านเต็มกำลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ยังต้องแสวงหาความปรองดองทุกฝ่ายถึงขั้นขอร้องญาติพี่น้องผู้เสียชีวิต ที่ยังคงคัดค้านการนิรโทษกรรมก้าวข้ามเหตุการณ์ในอดีตให้ได้ ดังเช่นกรณี นางพะเยาว์ และ นายณัทพัช หรือ กันต์ อัคฮาด แม่และน้องชาย น.ส.กมนเกด ผู้ช่วยพยาบาลที่เสียชีวิตที่บริเวณวัดปทุมวนารามก็ถูกพ.ต.ท.ทักษิณ เอ่ยอ้างขึ้นในวันปราศรัยที่กัมพูชาในทำนองให้ลืมๆไปซะเสียงส่วนน้อยต้องยอมเสียสละเพื่อคนส่วนใหญ่
ไม่ต่างกับการเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ กรณี พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ก็อาจถูกพ.ต.ท.ทักษิณขอร้องให้ก้าวข้ามเหตุการณ์อดีตเช่นกัน
หนังสือ “ในความรัก” ที่กลั่นจากหัวใจ นิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยา พร้อมกับผู้คนหลากหลายอุทิศจิตเขียนไว้ มีแง่มุมหลายอย่างที่อดีตนายกฯพ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ซึ่งบอกให้ก้าวข้าม ควรหยิบมาอ่าน
ดังเช่นตอนหนึ่ง ดร.สุภางค์ จันทวานิช ศาสตราจารย์กิตติคุณ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขียนมอบไว้ในหนังสือเล่มนี้ “…เราน่าจะได้ทบทวนถึงเหตุการณ์นี้และพยายามทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น?....
ประการแรก การเสียชีวิตของพันเอกร่มเกล้าไม่ใช่การเสียชีวิตในการสู้รบแบบทหารตามปกติ แต่เป็นการถูกระเบิด เอ็ม 79 จากกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ในขณะที่ทหารไม่ได้ถืออาวุธพร้อมต่อสู้ สะเก็ดระเบิดตัดก้านสมองทำให้บาดเจ็บสาหัส แม้กระนั้นช่วงเวลานับตั้งแต่ถูกยิงเมื่อเวลาประมาณสองทุ่ม พันเอก ร่มเกล้าก็ถูกสกัด ไม่ให้รถพยาบาลออกจากพื้นที่ที่มีการปะทะกันจนกระทั่งถึงโรงพยาบาลพระมงกุฎ เวลาหลังสี่ทุ่ม คุณกิ่งอ้อ เล่าฮง ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ บอกกับผู้เขียนว่า รอรับพันเอก ร่มเกล้าอยู่ที่โรงพยาบาลกว่าจะมาถึงได้เกือบสี่ทุ่มครึ่ง ระยะเวลาสองชั่วโมงที่คนเจ็บถูกนำขึ้นรถ วนหาทางออกต้องเสียเลือดอย่างมาก เมื่อมาถึงโรงพยาบาลอาการก็หนักมากแล้ว
ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ ในเวลาไม่เกินห้าทุ่มก็มีสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งประกาศรายชื่อพันเอกร่มเกล้าเป็นหนึ่งในทหารที่เสียชีวิตจากการปะทะกันที่สี่แยกคอกวัว ทั้งๆที่เจ้าตัวยังอยู่ในห้องไอซียู จากข่าวแบบนี้บอกให้เรารู้ว่าอาจมีผู้ต้องการปล่อยข่าวว่าพันเอกร่มเกล้าตายแล้วให้เร็วที่สุด ทั้งในโรงพยาบาลและในสถานีโทรทัศน์บางช่องจริงดังที่ผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบันตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มผู้ชุมนุมไม่เคยทวงถามรัฐบาลว่าฝ่ายทหารที่เสียชีวิตในการปะทะ ตายเพราะใครและเพราะอะไร อีกทั้งยังไม่เคยเรียกร้องให้มีการสืบหาข้อเท็จจริงเหมือนที่เรียกร้องให้กับผู้เสียชีวิตรายอื่นๆ อันที่จริงแล้ว การสูญเสียพันเอกร่มเกล้ามีความหมายหลายชั้น
นับได้ว่าฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลหรือกองกำลังไม่ทราบฝ่ายยิงกระสุน M 79 เพียงนัดเดียวได้นกหลายตัวพร้อมกัน กระสุนนัดนี้สั่นสะเทือนไปถึงกองทัพและสถาบันเลยทีเดียว พันเอกร่มเกล้าจึงจากไปตามใบสั่งที่มีฝ่ายเสนาธิการของฝ่ายตรงกันข้ามวางแผนไว้แล้วอย่างดี
การปะทะกันที่สีแยกคอกวัวในวันที่ 10 เม.ย.2553 รวมถึงมีการปะทะกันก่อนและหลังวันนั้นเช่น ที่สถานีส่งไฟฟ้าแรงสูงที่ปทุมธานี หรือที่ถนนวิภาวดีรังสิต สะท้อนความจริงที่ว่ากองทัพไทยไม่สันทัดกับการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามในเขตเมือง การต่อสู้แบบนี้ไม่ใช่สงครามในรูปแบบที่มีการประกาศสงครามเป็นทางการ ไม่ใช่สงครามกองโจรแบบที่เคยต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ในช่วงสงครามเย็น แต่เป็นการเผชิญกับกำลังในพื้นที่ปะทะในเขตเมืองไม่เห็นตัวฝ่ายตรงข้ามชัดเจน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือฝ่ายตรงข้ามบ้าง ทหารจึงตกเป็นรองในการต่อสู้
นักทฤษฏีโอมาร์กซิสต์ชาวฝรั่งเศสชื่ออองรี เลอแฟ้ป ( Henri Lefebvre 1901-1991 ) ได้เคยระบุไว้ว่า การต่อสู้เพื่อช่วงชิงการนำระหว่างรัฐกับฝ่ายต่อต้านอำนาจรัฐจะเกิดขึ้นในเขตเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งกว่าจะเกิดในเขตชนบท คนเมืองจะเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตผ่านการเปลี่ยนแปลงในเมืองด้วยวิธีการผลักดันเป็นกลุ่ม เป็นขบวนการประชาชนดังที่ได้เกิดขึ้นในแอฟริกาใต้และในละตินอเมริกา กองทัพจำเป็นจะต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เหมือนกับที่ต้องปรับตัวมาทำงานพัฒนามากขึ้น การใช้กระสุนยางเพื่อยืนยันว่ากองทัพไม่ได้ทำร้ายประชาชนไม่เพียงพอเสียแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญกับกองกำลังของฝ่ายต่อต้านที่มีอาวุธสงครามร้ายแรง ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่ากองทัพไทยจะต้องติดเขี้ยวเล็บโดยการใช้อาวุธสงที่ร้ายแรง เพื่อให้สมน้ำสมเนื้อกับฝ่ายต่อต้าน แต่กองทัพไทยคงต้องหารือกับรัฐบาลพลเรือนว่าภารกิจประเภทขอกระชับพื้นที่หรือขอคืนพื้นที่จากฝ่ายประท้วงรัฐบาลนี้ไม่น่าจะเป็นงานของทหาร ผู้มีหน้าที่รักษาความเป็นระเบียบในสังคมคือตำรวจต่างหาก และตำรวจจะต้องทำหน้าที่นี้ให้สำเร็จเรียบร้อยให้ได้ พันเอกร่มเกล้า ในฐานะกลไกของกองทัพที่ถูกรัฐบาลขอใช้บริการดูแลความสงบเรียบร้อยของส่วนรวมนั้น ถูกส่งเข้ามาเมื่อกลไกตามปกติไม่ทำงาน และต้องมาเสียชีวิตในการทำหน้าที่นี้จึงเป็นเรื่องน่าเสียใจ เพราะเขาไม่ใช่คู่กรณีของความขัดแย้งเลย อีกทั้งยังเป็นเรื่องน่าละอายใจสำหรับฝ่ายที่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบภารกิจนี้ แต่ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง
ในเกมความขัดแย้งที่มีรัฐบาลเป็นตัวแสดงตรงกลางให้ผู้ชุมนุมกลุ่มต่างๆ ถลุงกันไปกันมาคนละที การใช้ข่าวลือเพื่อช่วยกระตุ้นอารมณ์โกรธเคืองของสาวกของแต่ละฝ่ายเป็นไปอย่างเข้มข้น กลุ่มที่เรียกร้องประชาธิปไตย โดยไม่ได้ยึดหลักเหตุผลและความถูกต้องทำได้เพียงจัดตั้งมวลชนและกระหน่ำแพร่ข่าวลือต่อไป แม้จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังทำอยู่อย่างต่อเนื่องและหนักข้อขึ้นด้วยซ้ำ
การรำลึกถึงการตายของพันเอกร่มเกล้า ควรจะช่วยเรียกคืนสติและมโนธรรมของคนในสังคมไทยทุกๆฝ่าย เราจำเป็นจะต้องช่วยกันจรรโลงสังคมไทยให้เป็นสังคมที่มีขื่อมีแป เคารพกฎหมาย ให้มีประชาสังคมอันแท้จริง(ไม่ใช่มวลชนจัดตั้ง) เพื่อมาช่วยเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมไปข้างหน้า กอบกู้เศรษฐกิจให้คนจนไม่ต้องทุกข์ยากกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ให้เกิดความเป็นธรรมอย่างแท้จริงกับทุกฝ่าย (ไม่ใช่ปรองดองแบบฉาบฉวย) อย่าให้พันเอกร่มเกล้าต้องตายฟรี อย่าเป็นสังคมความจำสั้น
ในงานสวดพระอภิธรรมศพและพิธีฝังศพพันเอกร่มเกล้า ธุวธรรม ที่วัดเทพศิรินทร์ โบสถ์เซนต์หลุยส์และสุสานที่จังหวัดนครปฐมมีผู้คนมากมายจากทุกแหล่งมาร่วมงานจนยากจะบรรยายได้ว่าใครเป็นใคร ผู้เขียนได้พบครูอาจารย์รุ่นอาวุโสหลายท่านมาร่วมพิธีแม้จะมีข้อจำกัดด้านสุขภาพ อีกทั้งยังมีนักบวชและคริสต์ศาสนิกชน พระสงฆ์ในศาสนาพุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา และประชาชนจำนวนมากทั้งคนหนุ่มสาวและผู้ใหญ่ คนเหล่านี้มาด้วยความคิดคล้ายๆ กันว่า คนดีคนหนึ่งได้สละชีวิตเพื่อประเทศชาติ ได้ถูกลอบทำร้ายทั้งที่ไม่ได้ใช้อาวุธ เขาจึงอยากมาแสดงความรู้สึกขอบคุณ ซาบซึ้ง อาลัย หรือคารวะต่อผู้เสียสละชีวิตคนนี้โดยไม่เคยรู้จักมาก่อนหรือไทม่ได้เป็นญาติโกโหติกาอะไร เวลาหนึ่งปีผ่านไปควรทำให้เรารำลึกได้เสมอว่า ทุกคนมีหน้าที่ต่อประเทศชาติไม่ต่างจากพันเอกร่มเกล้า ขณะนี้เรากำลังเล่นเกมการต่อสู้ที่ทุกฝ่ายต่างก็จะพ่ายแพ้กันไปทั้งสิ้น เหลือแต่ประเทศไทยที่บอบช้ำ ทรุดโทรมที่เราช่วยกันทำจนเป็นอย่างนั้น เราควรได้เรียนรู้เพื่อที่จะไม่ต้องถึงวันนั้น


