posttoday

ตกงานตามแผน

28 มีนาคม 2555

ขอแสดงความยินดีกับลูกจ้างทุกท่าน สัปดาห์หน้า วันที่ 1 เม.ย. ค่าจ้างขั้นต่ำจะขยับขึ้น 40% โดย 7 จังหวัดจะได้รับไปก่อนเต็มๆ 300 บาทต่อวัน

โดย...สันทัด กรณี

ขอแสดงความยินดีกับลูกจ้างทุกท่าน สัปดาห์หน้า วันที่ 1 เม.ย. ค่าจ้างขั้นต่ำจะขยับขึ้น 40% โดย 7 จังหวัดจะได้รับไปก่อนเต็มๆ 300 บาทต่อวัน

พร้อมกันนี้ก็มีเสียงเตือนกันอึงมี่ ถึงผลกระทบจากการที่รัฐบาลโดยคณะกรรมการค่าจ้างหลับหูหลับตา ดีดค่าจ้างขั้นต่ำให้สูงขึ้นในระดับนี้

ความห่วงใยที่หนึ่ง คือ อุตสาหกรรม หน่วยธุรกิจใดที่ไม่สามารถแบกรับภาระนี้ได้ อาจจำเป็นต้องตัดสินใจเลิกจ้างพนักงานบางส่วน

ความห่วงใยที่สอง อุตสาหกรรม หน่วยธุรกิจต่างๆ จะมองหาช่องทาง เคลื่อนย้ายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีค่าจ้างอัตราจ้างต่างที่ต่ำกว่าไทยมาก

ความห่วงใยที่สาม เมื่อต้นทุนด้านแรงงานเพิ่มสูงขึ้น แน่นอนว่าผู้ผลิตย่อมผลักภาระส่วนนี้มายังผู้บริโภค ราคาสินค้าต่างๆ ที่แพงระยับอยู่ในขณะนี้ จะแพงระ...ห่ำ...เพิ่มขึ้นอีกจนชาวบ้านจะทนไม่ได้เอาง่าย

สรุปรวมๆ ก็ประมาณนี้ ซึ่งผมเห็นแต่ละท่านในรัฐบาลออกมาอึกๆ อักๆ ไขข้อกังวลอย่างขอไปที ไม่มีคำตอบที่ฟังแล้วชื่นใจ

ล่าสุดผมมาได้ฟังคนของรัฐบาล ท่านแสดงความเห็นและให้คำตอบกับองค์กรระหว่างประเทศ

ผมฟังแล้วแทบช็อก ทำไมแทบช็อก ผมอยากให้ท่านผู้อ่านลองพิจารณาคำพูดของท่านผู้นี้...เชิญครับ!

คุณวีรพงษ์ รามางกูร หรือ ดร.โกร่ง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) กำลังสำคัญของคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ท่านเข้าร่วมหารือกับ นาโอะยูกิ ชิโนฮาระ รองกรรมการผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เมื่อวานนี้

หารือเสร็จสรรพ ดร.โกร่ง ท่านออกมาเปิดเผยว่า ไอเอ็มเอฟได้สอบถามถึงนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาลไทยว่าเป็นอย่างไรบ้าง โดยได้ชี้แจงไปว่า การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาททั่วประเทศ เป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้ว

“และถึงเวลาที่ผู้ประกอบการจะต้องยอมรับ หากผู้ประกอบการรายใดที่ได้รับผลกระทบและไม่สามารถปรับตัวได้ ก็ให้ย้ายโรงงานไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีค่าจ้างถูกกว่า ส่วนรัฐบาลก็จะรับหน้าที่จัดหามาตรการเข้ามาส่งเสริมให้ผู้ประกอบการย้ายฐานการผลิตต่อไป”

“ต้องทำความเข้าใจว่าไทยขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมหลายอย่าง และที่มีอยู่ก็เป็นแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายกว่า 10 ล้านคน ดังนั้นจึงต้องทำใจว่าไทยจะเอาอุตสาหกรรมทุกอย่างไว้ในประเทศไม่ได้ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องหนัง รวมทั้งเอสเอ็มอี ก็ควรย้ายไปเพื่อนบ้านที่ค่าจ้างถูก”

ครับ...คำพูดของทั่นประธานโกร่ง ผู้ที่นายกรัฐมนตรีเชิญมาวางยุทธศาสตร์ประเทศ แล้วรู้สึกเป็นอย่างไรกันบ้าง ช็อกมั้ยครับ หรือผมรู้สึกบ้าไปอยู่คนเดียว? เอ็งรับไม่ได้ก็ขนเครื่องจักรขนเงินออกไป!

กราบเรียนคนไทยที่ใช้แรงในภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องหนัง รวมทั้งเอสเอ็มอี ฯลฯ โปรดทราบ

หากท่านต้องตกงาน ท่านควรรู้นับแต่นี้ ท่านตกงานเพื่อบรรลุยุทธศาสตร์ในการฟื้นฟูอนาคตประเทศของรัฐบาล เป็นแผนไว้แต่แรก...ไม่ต้องร้อง ไม่ต้องประท้วงครับ

เสียงข้างมากต้องการอย่างนี้...ชิมิคร้าบบบบบ