ก.ล.ต. แจงคดีถือหุ้น-ครอบงำกิจการ ปิดชื่อจนกว่าคดีถึงที่สุด
"กรณ์ จาติกวณิช" จี้ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯจัดการทุนเทาในตลาดหุ้น "ก.ล.ต."ยืนยันกระบวนการตรวจสอบโปร่งใส แต่ไม่พร้อมเปิดเผยรายละเอียดจนกว่าดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมด
KEY
POINTS
- "กรณ์ จาติกวณิช" จี้ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯจัดการทุนเทาในตลาดหุ้น
- "ก.ล.ต." ยืนยันกระบวนการตรวจสอบโปร่งใส แต่ไม่พร้อมเปิดเผยรายละเอียดจนกว่าดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมด
ตามที่นายกรณ์ จาติกวณิช โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า เป็นที่รู้กันในวงการหุ้นว่าช่วงนี้ (ก่อนเลือกตั้ง) มีความพยายามที่จะเร่งขายหุ้นโดยกลุ่มที่โยงกับแก๊งค์ฟอกเงิน ซึ่งหุ้นที่ว่านี้ยังไม่ได้ถูกอายัด เพราะมีการแอบถืออยู่ในบัญชี nominee
ผมพูดไว้หลายครั้งว่าการที่มิจฉาชีพต่างชาติจะฟอกเงินในระบบเศรษฐกิจไทยได้นั้น เขาต้องได้รับความร่วมมือจากคนไทย - ก.ล.ต. ต้องเอาจริงกับทุกคน
ดังนั้น เรื่องด่วนที่ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ต้องรีบดำเนินการคือ ต้องออกคำเตือนว่าการซื้อหุ้น 7 บริษัทที่ ก.ล.ต. อยู่ในช่วงการสอบสวน มีความสุ่มเสี่ยงที่จะมีผลเป็นการซื้อของโจร ซึ่งจะเป็นการช่วยให้กลุ่ม scammer ขนเงินหนีไปได้ (โดยเฉพาะการซื้อหุ้นแบบ Big Lot )
ก.ล.ต. ต้องยํ้าว่าการรับซื้อหุ้นจากกลุ่มฟอกเงิน อาจถูกตีความว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับโจร สุ่มเสี่ยงกับถูกการดำเนินการทางกฎหมาย
การต่อกรกับกลุ่มมิจฉาชีพข้ามชาติ เป็นเรื่องที่ต้องว่องไว เด็ดขาด และ proactive เพราะทางเขามีแรงบันดาลใจสูง เราช้าไม่ได้เลย.
ก.ล.ต. ชี้แจง
จากโพสต์ดังกล่าว "สื่อมวลชน" หลายสำนักได้สอบถามความชัดเจนจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ทาง ก.ล.ต. ขอให้ข้อมูลว่าจะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดที่เป็นชื่อบุคคล ข้อมูลหรือจำนวนบริษัทที่อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบจนกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการ จึงจะมีการเปิดเผยให้สาธารณชนทราบเป็นการทั่วไป
โดย ก.ล.ต. ยึดมั่นในการดำเนินการอย่างเท่าเทียม โปร่งใส และเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย (due process of law)
สำหรับการตรวจสอบของ ก.ล.ต. เป็นการตรวจสอบโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนมิได้เป็นการตรวจสอบการดำเนินงานทางธุรกิจ แต่เป็นการตรวจสอบเรื่องการรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ทุกร้อยละ 5 และการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ
ซึ่งหากพบว่าโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนใดมีผู้ถือหุ้นที่แท้จริง (ultimate beneficial owner) ที่มิได้รายงานให้ถูกต้องครบถ้วน หรือมีการถือหุ้นมากจนถึงระดับที่เป็นการครอบงำกิจการแต่ยังไม่ได้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จะเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ซึ่ง ก.ล.ต. จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนโดยตรงและหรือการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ที่สำคัญ ก.ล.ต. ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น ก.ล.ต. ประสานความร่วมมือกับสำนักงาน ปปง. โดยที่ สำนักงาน ปปง. ได้มีการอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับฟอกเงินไว้แล้ว ขณะที่ ก.ล.ต. สามารถนำข้อมูลที่สำนักงาน ปปง. มีอยู่จากการตรวจสอบมาใช้
ในการบังคับใช้กฎหมายตามบทบาทหน้าที่ของ ก.ล.ต. ซึ่งการประสานความร่วมมือนี้ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และเมื่อมีผลการดำเนินการแล้ว ก.ล.ต. จะเปิดเผยให้สาธารณชนทราบต่อไป.


