posttoday

MRDIYT เปิดเทรดวันแรก 7.05 บาท ต่ำจอง 18.02% มูลค่าหายไป 9,326 ล้าน

05 พฤศจิกายน 2568

“MRDIYT” ไอพีโอใหญ่สุดรอบ 3 ปี เปิดเทรด SET วันแรก 7.05 บาท ลดลง 18.02% จากราคาไอพีโอ 8.60 บาท มาร์เก็ตแคปวูบ 9,326 ล้านบาท พบบิ๊กล็อต 335 ล้านหุ้น ราคา 8.60 บาท รวม 2,881 ล้านบาท

KEY

POINTS

  • “MRDIYT” ไอพีโอใหญ่สุดรอบ 3 ปี เปิดเทรด SET วันแรก 7.05 บาท ลดลง 18.02% จากราคาไอพีโอ 8.60 บาท มาร์เก็ตแคปหายไป 9,326 ล้านบาท เหลือ 42,421 ล้านบาท จาก 51,747 ล้านบาท    
  • พบบิ๊กล็อต 335 ล้านหุ้น ราคา 8.60 บาท รวม 2,881 ล้านบาท ขายให้ Mr. Tan Yu Yeh-Mr. Tan Yu Wei-ผู้ถือหุ้นสัญชาติมาเลเซียอื่น เพื่อปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นภายใน เป็นไปตามไฟลิ่ง
  • ย้อนผลตอบแทน IPO 14 ตัวแรกปี 68 พบว่า เหนือจอง 4 ตัว และต่ำจอง 10 ตัว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MRDIYT เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้ (5 พ.ย.2568) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจพาณิชย์

โดยเปิดที่ราคา 7.05 บาท ปรับลดลง 1.55 บาท หรือคิดเป็นลดลง 18.02% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 8.60 บาท 

ล่าสุด ปิดช่วงเช้า เวลา 12.30 น. ปรับลดลง 0.10 บาท หรือคิดเป็นลดลง 1.16% มาอยู่ที่ 8.50 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 1,290.97 ล้านบาท

MRDIYT เปิดเทรดวันแรก 7.05 บาท ต่ำจอง 18.02% มูลค่าหายไป 9,326 ล้าน ราคาหุ้น MRDIYT ปิดเทรดช่วงเช้า วันที่ 5 พ.ย.68 

ทั้งนี้ MRDIYT ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าประเภทอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ 
 
MRDIYT เสนอราคาขาย IPO ที่ 8.60 บาท/หุ้น จำนวนไม่เกิน 655,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 10.89% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด ประกอบด้วย

1.หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 420,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 6.98% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้

2.หุ้นสามัญที่เสนอขายโดย MDIH (Singapore) Pte. Ltd. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 235,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 3.91% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้

โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและข้อบังคับของบริษัทกำหนดไว้

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้

1. ใช้ในการลงทุนเพื่อพัฒนาและขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัท เช่น การขยายสาขา การลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมของบริษัท รวมถึงการซื้อที่ดินสำหรับคลังสินค้าเพิ่มเติมตามหนังสือแสดงเจตนาที่บริษัทเข้าทำกับ บริษัท อารยะ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด และการก่อสร้างคลังสินค้าดังกล่าว  

2. ชำระหนี้สินและเงินกู้ยืมที่มีอยู่ของบริษัทฯ รวมถึงเงินกู้ยืมจากธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) 

3. ใช้เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนทั่วไปสำหรับการดำเนินงานของบริษัท

ทางด้านผลการดำเนินงานในปี 2565-2567 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 9,941.19 ล้านบาท, 12,832.23 ล้านบาท และ 16,214.40 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 1,051.22 ล้านบาท, 1,381.07 ล้านบาท และ 1,780.25 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 9,470.71 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,176.44 ล้านบาท 

ราคาเปิดการซื้อขายของหุ้น MRDIYT ที่ 7.05 บาท ทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ลดลงเหลือ 42,421 ล้านบาท หรือลดลง 9,326 ล้านบาท จากมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO ที่ 51,747 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเสนอขายหุ้น IPO ที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในรอบ 3 ปี และใหญ่ที่สุดในปีนี้

ขณะเดียวกัน วันนี้ (5 พ.ย.2568) ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รายงานการซื้อขายผ่านกระดานซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (Big Lot) หุ้น MRDIYT พบ 4 รายการ รวมจำนวน 335 ล้านหุ้น ในราคาเฉลี่ย 8.60 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 2,881 ล้านบาท

สำหรับรายการขาย Big Lot ดังกล่าว มีรายงานจากข้อมูลที่ MRDIYT ได้ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า นายจอมพงษ์ โตมงคล ซึ่งถือหุ้นของบริษัท จำนวน 1,230,518,784 หุ้น หรือคิดเป็น 20.45% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ณ วันที่มีการเสนอขาย IPO ในครั้งนี้ ได้แสดงความประสงค์ที่จะขายหุ้นสามัญเดิมของบริษัท (ซึ่งหุ้นจำนวนดังกล่าวไม่ใช่หุ้นที่อยู่ภายใต้ระยะเวลาการห้ามขายหุ้น (Silent Period)) 

โดยขายหุ้นในราคาเดียวกับราคาเสนอขาย IPO เป็นจำนวนรวมกันไม่เกิน 245,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นประมาณไม่เกิน 4.07% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ณ วันที่มีการเสนอขาย IPO ผ่านการซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (Trade Report – Big Lot) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) ในวันแรกที่หุ้นสามัญของบริษัทเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 

ทั้งนี้ เป็นการขายหุ้นให้แก่ Mr. Tan Yu Yeh, Mr. Tan Yu Wei และผู้ถือหุ้นหนึ่งรายในกลุ่มผู้ถือหุ้นสัญชาติมาเลเซียอื่น จำนวน 118,235,000 หุ้น 53,930,100 หุ้น และ 72,834,900 หุ้น ตามลำดับ หรือคิดเป็น 1.96% 0.90% และ 1.21% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด ณ วันที่มีการเสนอขาย IPO ตามลำดับ เพื่อปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นภายในเท่านั้น

ภายหลังการ IPO และการขาย Big Lot ดังกล่าว ส่งผลให้ นายจอมพงษ์ โตมงคล ถือหุ้น 985,518,784 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 16.38%, Mr. Tan Yu Yeh กับ Mr. Tan Yu Wei ถือหุ้นรวม 2,059,712,044 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 34.23% จากเดิม 1,887,546,944 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 31.37% และผู้ถือหุ้นสัญชาติมาเลเซียอื่น ถือหุ้น 636,532,308 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 10.58% จากเดิม 563,697,408 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 9.37%

MRDIYT เปิดเทรดวันแรก 7.05 บาท ต่ำจอง 18.02% มูลค่าหายไป 9,326 ล้าน

MRDIYT เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันแรก

ย้อนกลับไปนับตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงปัจจุบัน (Year to Date : YTD) มีหุ้น IPO เข้าใหม่ จำนวน 15 บริษัท เป็นหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 10 บริษัท และจดทะเบียนใน SET จำนวน 5 บริษัท โดย MRDIYT ถือเป็นหุ้น IPO ตัวที่ 15 ของปี 2568 

ส่วนหุ้น IPO อีก 14 ตัว ประกอบด้วย  

บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIS  

  • ราคา IPO 3.00 บาท 
  • เปิดการซื้อขายวันแรก (20 ม.ค.2568) 3.90 บาท เพิ่มขึ้น 30.00% จากราคา IPO
  • ปิดการซื้อขายวันแรก 3.60 บาท เพิ่มขึ้น 20.00% จากราคา IPO
  • ปิดวันที่ 4 พ.ย.2568 อยู่ที่ 3.26 บาท เพิ่มขึ้น 8.67% จากราคา IPO

บริษัท มาเธอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ MOTHER

  • ราคา IPO 1.40 บาท 
  • เปิดการซื้อขายวันแรก (11 ก.พ.2568) 2.16 บาท เพิ่มขึ้น 54.26% จากราคา IPO
  • ปิดการซื้อขายวันแรก 1.61 บาท เพิ่มขึ้น 15.00% จากราคา IPO
  • ปิดวันที่ 4 พ.ย.2568 อยู่ที่ 1.15 บาท ลดลง 17.86% จากราคา IPO

บริษัท แอลทีเอ็มเอช จำกัด (มหาชน) หรือ LTMH

  • ราคา IPO 5.00 บาท 
  • เปิดการซื้อขายวัน (2 เม.ย.2568) 5.25 บาท เพิ่มขึ้น 5.00% จากราคา IPO
  • ปิดการซื้อขายวันแรก 5.05 บาท เพิ่มขึ้น 1.00% จากราคา IPO
  • ปิดวันที่ 4 พ.ย.2568 อยู่ที่ 4.78 บาท ลดลง 4.40% จากราคา IPO

บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BKA 

  • ราคา IPO 1.80 บาท 
  • เปิดการซื้อขายวันแรก (22 เม.ย.2568) 2.40 บาท เพิ่มขึ้น 33.33% จากราคา IPO
  • ปิดการซื้อขายวันแรก 2.46 บาท เพิ่มขึ้น 36.67% จากราคา IPO
  • ปิดวันที่ 4 พ.ย.2568 อยู่ที่ 0.89 บาท ลดลง 50.56% จากราคา IPO

บริษัท นูทริชั่น โปรเฟส จำกัด (มหาชน) หรือ NUT

  • ราคา IPO 6.80 บาท 
  • เปิดการซื้อขายวันแรก (11 มิ.ย.2568) 6.20 บาท ลดลง 8.82% จากราคา IPO
  • ปิดการซื้อขายวันแรก 5.20 บาท ลดลง 23.53% จากราคา IPO
  • ปิดวันที่ 4 พ.ย.2568 อยู่ที่ 4.20 บาท ลดลง 38.24% จากราคา IPO

บริษัท โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ HANN 

  • ราคา IPO 0.70 บาท 
  • เปิดการซื้อขายวันแรก (14 ส.ค.2568) 0.90 บาท เพิ่มขึ้น 28.57% จากราคา IPO 
  • ปิดการซื้อขายวันแรก 2.12 บาท เพิ่มขึ้น 202.86% จากราคา IPO
  • ปิดวันที่ 4 พ.ย.2568 อยู่ที่ 0.99 บาท เพิ่มขึ้น 41.43% จากราคา IPO

บริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ SKIN 

  • ราคา IPO 1.20 บาท 
  • เปิดการซื้อขายวันแรก (24 ก.ย.2568) 3.10 บาท เพิ่มขึ้น 158.33% จากราคา IPO 
  • ปิดการซื้อขายวันแรก 3.62 บาท เพิ่มขึ้น 201.67% จากราคา IPO
  • ปิดวันที่ 4 พ.ย.2568 อยู่ที่ 1.51 บาท เพิ่มขึ้น 25.83% จากราคา IPO

บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด (มหาชน) หรือ TURBO

  • ราคา IPO 1.50 บาท 
  • เปิดการซื้อขายวันแรก (30 ก.ย.2568) 2.30 บาท เพิ่มขึ้น 53.33% จากราคา IPO 
  • ปิดการซื้อขายวันแรก 1.89 บาท เพิ่มขึ้น 26.00% จากราคา IPO
  • ปิดวันที่ 4 พ.ย.2568 อยู่ที่ 1.61 บาท เพิ่มขึ้น 7.33% จากราคา IPO

บริษัท 88(ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ 88TH

  • ราคา IPO 5.45 บาท 
  • เปิดการซื้อขายวันแรก (3 ต.ค.2568) 12.00 บาท เพิ่มขึ้น 120.18% จากราคา IPO 
  • ปิดการซื้อขายวันแรก 8.20 บาท เพิ่มขึ้น 50.46% จากราคา IPO
  • ปิดวันที่ 4 พ.ย.2568 อยู่ที่ 4.48 บาท ลดลง 17.80% จากราคา IPO

บริษัท ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ONSENS

  • ราคา IPO 2.05 บาท 
  • เปิดการซื้อขายวันแรก (7 ต.ค.2568) 2.60 บาท เพิ่มขึ้น 26.83% จากราคา IPO 
  • ปิดการซื้อขายวันแรก 2.04 บาท ลดลง 0.49% จากราคา IPO
  • ปิดวันที่ 4 พ.ย.2568 อยู่ที่ 1.24 บาท ลดลง 39.51% จากราคา IPO

บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ ATLAS

  • ราคา IPO 3.00 บาท 
  • เปิดการซื้อขายวันแรก (20 ต.ค.2568) 2.50 บาท ลดลง 16.67% จากราคา IPO 
  • ปิดการซื้อขายวันแรก 2.22 บาท ลดลง 26.00% จากราคา IPO
  • ปิดวันที่ 4 พ.ย.2568 อยู่ที่ 2.20 บาท ลดลง 26.67% จากราคา IPO

บริษัท อินดิจี จำกัด (มหาชน) หรือ IDG

  • ราคา IPO 3.00 บาท 
  • เปิดการซื้อขายวันแรก (24 ต.ค.2568) 5.40 บาท เพิ่มขึ้น 80.00% จากราคา IPO 
  • ปิดการซื้อขายวันแรก 3.78 บาท เพิ่มขึ้น 26.00% จากราคา IPO
  • ปิดวันที่ 4 พ.ย.2568 อยู่ที่ 2.12 บาท ลดลง 29.33% จากราคา IPO

บริษัท แมสเทค ลิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTEC

  • ราคา IPO 1.45 บาท  
  • เปิดการซื้อขายวันแรก (27 ต.ค.2568) 1.78 บาท เพิ่มขึ้น 22.76% จากราคา IPO 
  • ปิดการซื้อขายวันแรก 1.35 บาท ลดลง 6.90% จากราคา IPO
  • ปิดวันที่ 4 พ.ย.2568 อยู่ที่ 1.08 บาท ลดลง 25.52% จากราคา IPO

บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ WASH

  • ราคา IPO 7.50 บาท  
  • เปิดการซื้อขายวันแรก (3 พ.ย.2568) 6.10 บาท ลดลง 18.67% จากราคา IPO 
  • ปิดการซื้อขายวันแรก 5.35 บาท ลดลง 28.67% จากราคา IPO
  • ปิดวันที่ 4 พ.ย.2568 อยู่ที่ 5.00 บาท ลดลง 33.33% จากราคา IPO

ข่าวล่าสุด

LH Bank ออกผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก “LHB OPD SAVER”