จับตา ADVANC แจ้งงบ Q3/68 วันที่ 4 พ.ย.นี้ ลุ้นกำไรสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 58

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เตรียมประกาศงบไตรมาส 3/2568 ในวันพรุ่งนี้ (4 พ.ย.2568) โดย บล.กรุงศรี ประเมินว่า ADVANC จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 3/256 อยู่ที่ 11,189 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.3% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 8,788 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 1.9% จากไตรมาสก่อน ที่มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 10,982 ล้านบาท

ทั้งนี้ คาดว่ากำไรหลักของ ADVANC จะเพิ่มขึ้นทั้งจากไตรมาสเดียวกันปี่อน และไตรมาสก่อน ทำสถิติสูงสุดอีกครั้งนับตั้งแต่ปี2558 ที่ระดับ 11,189 ล้านบาท หนุนโดยรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นจากบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (mobile) และอินเทอร์เน็ตบ้าน (FBB) รวมถึงการลดต้นทุนเพิ่มเติม ส่วนใหญ่มาจากการประหยัดต้นทุนคลื่นความถี่ จากการประมูล

สมมติฐานหลักสำหรับไตรมาส 3/2568 คือ 1.รายได้หลัก (core revenue) ไม่รวมค่าเชื่อมโยงโครงข่าย (ex-IC) จะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน (+6.8%) และไตรมาสก่อน (+1.4%) เป็น 43,500 ล้านบาท การเติบโตของรายได้จะมาจาก mobile และ FBB โดยที่ทั้งจำนวนผู้ใช้สุทธิที่เพิ่มขึ้น (net add) และ ARPU เป็นปัจจัยหนุน ส่วนรายได้กลุ่มลูกค้าองค์กรจะเติบโตจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และไตรมาสก่อน จากการเซ็นสัญญาโครงการเพิ่มขึ้น 

2.ต้นทุนการให้บริการสำหรับธุรกิจหลักจะลดลง 6.8% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และ ลดลง7.4% จากไตรมาสก่อน เหลือ 23,100 ล้านบาท จากค่าเช่าโครงข่ายที่ลดลงจาก บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และค่าเสื่อมราคา 

3.ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะลดลง 12% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน เนื่องจากไม่มีการตั้งสรำองเงินโบนัสในไตรมาสนี้ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1% จากไตรมาสก่อน จากกิจกรรมทางการตลาดเพื่อส่งเสริมการตลาดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (EPL) ที่ลดลง 

และ 4.ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะทรงตัวในระดับเดียวกับไตรมาสก่อน เนื่องจากจะไม่มีการชำระหนี้คืน

หากกำไรไตรมาส 3/2568 ออกมาตามที่คาดการณ์ไว้ จะทำให้กำไร 9 เดือนแรกปี 2568 คิดเป็น 78% ของการคาดการณ์กำไรทั้งปี แม้ว่าจะคาดการณ์การเติบโตของกำไร 21% ในปี 2568 โดยทั่วไปไตรมาส 4 จะเป็นไตรมาสที่ผลดำเนินงานโดดเด่นที่สุดของปี ดังนั้นจะทบทวนการประมาณการกำไรอีกครั้งภายหลังผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ออกมา 

โดย คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ ADVANC โดยมีราคาเป้าหมาย 350 บาท ตามวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF-based) ไม่เปลี่ยนแปลง มองว่าการปรับฐานของราคาหุ้นเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ (Buying opportunity)