ส่อง 22 หุ้น SET100 ทำกำไรไตรมาส 2/68 เด่น สูงสุดในรอบ 5 ปี

ดัชนีตลาดหุ้นไทย ทยอยปรับตัวขี้นตั้งแต่กลางเดือน มิ.ย.2568 จากความผ่อนคลายประเด็น TRADE TARIFF และการเมืองในประเทศที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นในอนาคต จาก 1,053 จุด สู่ระดับ 1,280 จุด 

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 4 วันที่ผ่านมา (14-19 ส.ค.2568) ดัชนีตลาดหุ้นไทย เริ่มทยอยเห็นการปรับฐานลงมา จากวันที่ 13 ส.ค.2568 ปิดที่ 1,277.43 จุด มาปิดที่ 1,235.76 จุด เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2568 ปรับตัวลดลง 41.67 จุด หรือลดลง 3.26%      

สำหรับภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทย นับตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงปัจจุบัน (YTD) ปรับตัวลดลง 164.45 จุด หรือลดลง 11.74% จากสิ้นปี 2567 ปิดที่ 1,400.21 จุด มาปิดที่ 1,235.76 จุด เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2568 ที่ผ่านมา 

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า 4 วันที่ผ่านมา เริ่มทยอยเห็นการปรับฐานของดัชนีลงมาบ้าง ตามการ TAKE PROFIT ของแต่ละนักลงทุน โดยหุ้นใน SET100 ที่ปรับตัวลงแรงมากสุด คือ IVL -8.6%, PR9 -8.2%, STGT -7.2%, OSP -7.2%, BCH -7.1%, CHG -6.7% และ DOHOME -6.6% เป็นต้น   

โดย 4 วันที่ผ่านมา (14-19 ส.ค.2568) กองทุนขายสุทธิหนัก 8,500 ล้านบาท กดดัน SET -3.3% และหากพิจารณาว่าเม็ดเงินดังกล่าวมาจากการ REDEEM LTF หรือไม่? ฝ่ายวิจัยฯ จึงได้คำนวณการเปลี่ยนแปลงของหน่วยการลงทุนในช่วง 4 วันนั้น พบว่าเปลี่ยนแปลง -21.7 ล้านหน่วย หรือคิดเป็นมูลค่า 339 ล้านบาท เท่านั้น ซึ่งคิดเป็น 4% ของแรงขายทั้งหมดของกองทุน เท่านั้น

ตลาดหุ้นไทยย่อตัวลงมา 4 วัน เกือบ 50 จุด เข้าใกล้โซนสะสมบริเวณ 1,230-1,240 จุด ขณะที่ภาพรวมกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) งวดไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 3.2-3.3 แสนล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับ 2 ในช่วง 5 ปี และประวัติศาสตร์ 

ฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการคัดกรองหุ้นใน SET100 ที่กลับทำกำไรงวดไตรมาส 2/2568 ได้ดี เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงสุดในรอบ 5 ปี แต่ราคาหุ้นยัง LAGGARD ตลาด พบว่า มีจำนวน 22 บริษัท ประกอบด้วย AAV, SISB, BTS, PLANB, STA, WHAUP, PRM, CK, HMPRO, IRPC, MTC, LH, CENTEL, TASCO, AEONTS, OSP, SPALI, SJWD, AP, COM7, PTTEP, RCL