เอาให้ชัด! กัมพูชาระงับนำเข้าน้ำมัน-ก๊าซ กระทบ "กลุ่ม PTT" แค่ไหน ?

การที่กัมพูชาประกาศระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากประเทศไทย เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 22 มิ.ย.68 ซึ่ง "ฮุน มาเนต" นายกรัฐมนตรีกัมพูชายืนยันไม่มีกำหนดว่าจะปิดนานแค่ไหน จึงกลายเป็นประเด็นที่นักลงทุนจับตามองอย่างใกล้ชิด

โดยเฉพาะ "กลุ่ม ปตท." ซึ่งมีธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ครอบคลุมการกลั่น การจำหน่ายน้ำมัน และค้าปลีก ทั้ง OR, TOP, IRPC และ PTTGC

แม้ข้อมูลจากหลายฝ่ายวิเคราะห์จะยืนยันตรงกันว่า.. กัมพูชาเป็นเพียงตลาดเล็กที่มีสัดส่วนรายได้และกำไรเพียง 1-7% เท่านั้น แต่ผลกระทบเชิงจิตวิทยา (Sentiment) และภาพลักษณ์ของการถูกกีดกันทางการค้านั้น อาจใหญ่กว่าตัวเลขที่เห็น!

วันนี้จึงเป็นที่จับตาว่าราคาหุ้นกลุ่ม ปตท. จะถล่มหนักหน่วงแค่ไหน ?

หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น "กลุม ปตท." แรงขายไม่ได้หนักหน่วงอยางที่คิด! 

หุ้น "บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT" ซื้อขายวันนี้ (23 มิ.ย.68) อยู่ที่ 30.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท คิดเป็น +0.83%

หุ้น "บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP" อยู่ที่ 111.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท คิดเป็น +1.36%

หุ้น "บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR" อยู่ที่ 10.20 บาท ลดลง 0.30 บาท คิดเป็น -2.86%

หุ้น "บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC" อยู่ที่ 18.90 บาท ลดลง -0.20 บาท คิดเป็น -1.05%

หุ้น "บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP" อยู่ที่ 27 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท คิดเป็น +0.93%

หุ้น "บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC" อยู่ที่ 0.72 บาท ลดลง -0.01 บาท คิดเป็น -1.37%

หุ้น "บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC" อยู่ที่ 28 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท คิดเป็น +0.90%

คำถามคือ ข่าวดังกล่าวกระทบอนาคตกลุ่ม ปตท. แค่ไหน ?

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า จากการตรวจสอบข้อมูล PTT มีสัดส่วนรายได้จากกัมพูชาเพียง 1% โดยหลักมาจากธุรกิจค้าปลีก เนื่องจากธุรกิจโรงกลั่นส่วนมากกว่า 90% เน้นจำหน่ายในประเทศเพราะ Margin สูงกว่า

อ้างอิงจากข้อมูลในไตรมาส 1/68 ปัจจุบัน หุ้นของ "บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR" มีสถานีบริการน้ำมัน 186 แห่ง คาเฟ่อะเมซอน 254 แห่ง ร้านสะดวกซื้อ 71 แห่ง ถือว่าเป็นสัดส่วนไม่มากเทียบกับจำนวนสถานีบริการน้ำมันทั้งหมดราว 2.8 พันแห่ง ไม่ถึง 7% คาเฟ่อะเมซอนทั้งหมด 4.9 พันแห่ง ราว 5% ร้านสะดวกซื้อ 2.4 พันแห่ง ไม่ถึง 3% 

"OR" มีสัดส่วนรายได้ และ EBITDA จากกัมพูชาอยู่ที่เพียง 2-3% และ 4% ตามลำดับ อีกทั้งส่วนใหญ่สถานีบริการน้ำมันเป็นรูปแบบ Dealer และกรณีสถานการณ์ยืดเยื้อสถานีบริการน้ำมันในกัมพูชาสามารถนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปมาจำหน่ายในกัมพูชาแทนได้

ดังนั้น คาดไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อทั้ง OR และ PTT Group แนะนำติดตามการหารืออย่างเป็นทางการระหว่างภาครัฐกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้

กลุ่ม PTT หาตลาดใหม่ทดแทน

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า กัมพูชาสั่งระงับการนำเข้าน้ำมัน-ก๊าซของไทย กระทบโดยตรงต่อกลุ่ม PTT โดยเฉพาะ OR ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายน้ำมันและก๊าซฯในประเทศกัมพูชา ปัจจุบันมีสถานีบริการน้ำมันในกัมพูชา 186 สถานี จากทั้งหมด 2,761 สถานีในไทยและต่างประเทศ, ร้าน Cafe Amazon 254 ร้านค้า จากทั้งหมด 4,898 ร้านค้า และร้านสะดวกซื้อ 71 ร้านค้า จากทั้งหมด 2421 ร้านค้า

OR มีสัดส่วนกำไรที่มาจากกัมพูชาราว 7% ของ EBITDA รวมถึงในส่วนของโรงกลั่นของกลุ่ม PTT อาทิ TOP, PTTGC, IRPC ที่เป็นผู้ผลิตน้ำมันสำเร็จรูป คาดน่าจะหาตลาดส่งออกใหม่ได้แทนกัมพูชา ดังนั้นผลกระทบต่อบริษัทแม่ อย่าง PTT ไม่มีนัยยะสำคัญ

ราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นจากภาวะสงครามถือเป็น sentiment เชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มปิโตรเลียมทั้ง PTTEP, PTT, TOP, PTTGC, IRPC, SPRC, BCP แต่เลือก PTTEP เนื่องจากได้รับผลบวกโดยตรงสุดของกลุ่ม โดยมีรายได้แปรผันโดยตรงต่อราคาน้ำมันดิบ 

ขณะที่ กลุ่มโรงกลั่น จะได้รับผลบวกในเชิง Stock Gain เพราะยังต้องดูค่าการกลั่นเป็นหลักว่าราคาน้ำมันสำเร็จรูปจะปรับตัวขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบหรือไม่

ส่วน PTT อาจได้รับผลกระทบเชิงกระแสลบจากประเด็นกัมพูชา ตาม OR และกลุ่มโรงกลั่น แม้ผลการดำเนินงานจะกระทบไม่มีนัยฯก็ตาม

อย่างไรก็ตามหากกรณีสงครามจบลง สถานการณ์กลับมาสู่ภาวะปกติราคาหุ้นของกลุ่มปิโตรเลียมอาจจะมีการปรับฐานได้ เพราะยังมีแรงกดดันรออยู่ทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวในช่วงที่เหลือของปี และการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC+