อนาคต "หุ้นไทย" ไปทางไหน ? ตลท. เร่งเกมครึ่งปีหลัง หวังติดเรดาร์ MSCI

ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและพฤติกรรมผู้นำสหรัฐฯที่เปลี่ยนแปลงรายวัน ตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังจึงต้องเดินเกมอย่างระมัดระวังและเฉียบคม ภายใต้การนำของ "อัสสเดช คงสิริ" กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเกมสำคัญที่ไม่ได้หยุดแค่การรอความชัดเจนจากภายนอก แต่รุกคืบกลยุทธ์ด้วยการเร่งเพิ่มสภาพคล่อง พร้อมเปิดตัวโครงการ Jump+ ดึงนักลงทุนต่างชาติเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย

จังหวะที่ความไม่แน่นอนคือของจริง แล้ว..ตลาดหุ้นไทยพร้อมหรือยังที่จะเปลี่ยนความผันผวนให้เป็นโอกาส ?

"อัสสเดช คงสิริ" ประเมินภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังยอมรับว่ายังมีความไม่แน่นอน สิ่งที่ต้องติดตามคือการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯว่าจะชัดเจนอย่างไร ถ้าผลของการเจรจาออกมาดีจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น

"โลกเปลี่ยนแปลง ทรัมป์เปลี่ยนใจทุกวัน ถ้าดูพื้นฐานเศรษฐกิจไทยถือว่าทรงตัว ด้านแวลูเอชั่นตลาดหุ้นมองว่าต่ำแล้ว และราคาหุ้นแกว่งกรอบแคบขึ้น ปันผลสูง ดังนั้นภาพรวมการที่จะแย่กว่านี้มีโอกาสน้อย แต่ดัชนีจะพุ่งทยานเลยก็คงไม่เป็นแบบนั้น"

ทั้งนี้ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯเดินทางไปพบนักลงทุนมากกว่า 20 กองทุนต่างประเทศที่ประเทศสิงคโปร์ โดยรัฐบาลไทยได้เล่าถึงแผนการลงทุนต่างๆให้กองทุนฟัง ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก นักลงทุนต่างชาติมองว่าแผนการลงทุนฟังดูดีและมีการเติบโต

แต่สิ่งที่ต่างชาติอยากเห็นชัดคือแผนที่เกิดขึ้นจริง ดังนั้นหากแผนการลงทุนภาครัฐเกิดขึ้นน่าจะสะท้อนทางบวกได้

นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯเดินหน้าเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดหุ้นไทยทุกรูปแบบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจ โดยพยายามเพิ่มสินค้าใหม่ๆเพื่อตอบสนองนักลงทุนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะนักลงทุนรุ่นใหม่ ขณะที่นักลงทุนสายอาชีพ อยู่ระหว่างหาเครื่องมือเพื่อให้ตั้งคำสั่งซื้อขายข้ามตลาดได้ ทั้ง SET และ TFEX รวมทั้งกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่เริ่มให้น้ำหนักหุ้นไทยมากขึ้นสำหรับการลงทุนระยะยาว

อีกทั้งวันที่ 26 มิ.ย.นี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯเตรียมเปิดตัวโครงการ จั๊มพ์พลัส (Jump+) อย่างเป็นทางการ ตั้งเป้าปีนี้มีบริษัทจดทะเบียนเข้าร่วม 50-100 บริษัท พร้อมดำเนินการ 3 ปี เพื่อสนับสนุนบริษัทจดทะเบียน(บจ.)มีการลงทุน ลดค่าใช้จ่าย

มุ่งเน้นเพิ่มกำไรและเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) โดยตลาดหลักทรัพย์ฯจะช่วยค่าใช้จ่าย หรือสนับสนุนการใช้ AI โดยประสานทาง Google หรือ Amazon เข้ามาช่วยเหลือบริษัทจดทะเบียนไทยให้มีค่าใช้จ่ายลดลง

"อัสสเดช" เล่าถึงความคืบหน้าการจัดตั้งกระดานใหม่ New Economy ว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ระหว่างพูดคุยภายใน ว่าการจัดตั้งกระดานใหม่มีความจำเป็นแค่ไหน

แต่สิ่งที่อยากให้โฟกัส คือ เป้าประสงค์การดึงดูดบริษัทใหม่ๆ กลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ หรือ สตาร์ทอัพ เข้ามาตลาดอย่างไร หรืออาจจะใช้กระดานใหม่ หรือกระดานเดิม แต่ปรับเกณฑ์ให้เข้ามาเทรดง่ายขึ้นซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา

"อยากให้มั่นใจว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯทำทุกรูปแบบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจทุกแบบ พยายามโรดโชว์นักลงทุนต่างประเทศ เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ รวมถึงหาช่องทางที่จะทำให้ MSCI กลับมาเพิ่มน้ำหนักลงทุน หลังจากล่าสุด MSCI Rebalancing ถอดหุ้นไทยออก 3 ตัวส่งผลให้นักลงทุนสถาบันขายหุ้นออกมามาก"