บลจ.กสิกรไทย ชี้ ตลาดทุนครึ่งปีหลังยังไม่นิ่ง แนะปรับพอร์ตรับมือภาษีทรัมป์

นายวิน พรหมแพทย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด กล่าวในงานสัมมนา Thailand Investment Forum 2025 : Great Depression พลิกเกมฝ่าวิกฤติ จัดโดย กรุงเทพธุรกิจ ฐาน และโพสต์ทูเดย์ ในหัวข้อ “Growth Stocks In-Depth:Strategies for Success” ว่า ตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีหลังยังอยู่ในความไม่แน่นอน เหลืออีกเพียง 3 สัปดาห์ จะครบ 90 วัน ที่นโยบายขึ้นภาษีของทรัมป์จะเริ่มต้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่ว่าจะถูกเก็บที่กี่เปอร์เซ็นต์ อย่างไรเสีย ประเทศไทยก็ถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นข้อแนะนำสำหรับการลงทุนในครึ่งปีหลังคือ ต้องปรับพอร์ตการลงทุนอยู่ในหุ้นที่สามารถรองรับพายุทางเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ ด้วยการกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังทั่วโลก

สำหรับคำแนะนำในการปรับพอร์ตการลงทุนหุ้นนั้น แนะนำให้ลงทุนในคอร์พอร์ต ( Core Portfolio) จำนวน 80 %  กระจายการลงทุนในสินทรัพย์,หุ้น,ตราสารหนี้ และ การลงทุนทางเลือก อาทิ ทองคำ เพื่อพานักลงทุนฝ่าคลื่นพายุเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังให้ได้ ส่วนอีก 20% เป็นการลงทุนแบบแซทเทิลไลท์ พอร์ต (Satellite Portfolio) ที่เป็นหุ้นรายประเทศ,หุ้นรายเซ็กเตอร์ ซึ่งตอนนี้ตลาดหุ้นยังเบาใจกับนโยบายภาษีทรัมป์มากไปหน่อย ดังนั้นแนะนำให้นักลงทุนคงสัดส่วนการลงทุนไว้ก่อน รอจังหวะตลาดลงแรงก่อน ค่อยเข้าไป

ขณะที่การลงทุนในหุ้นไทยนั้นต้องเลือกหุ้นที่มีการปันผลสูง เพราะตลาดหุ้นในประเทศไทยมีความน่าสนใจอยู่ที่การลงทุนในหุ้นที่มีการปันผลดี เมื่อวิเคราะห์ถึงอนาคตการเติบโตของตลาดหุ้นใน 10 ปีข้างหน้าพบว่าการเติบโตอยู่ที่ 5% มีเพียง 1% ที่มีการเติบโตจริง ที่เหลือ 4% เติบโตจากการปันผล และนี่คือเสน่ห์ของหุ้นไทย

ถามว่า แล้วประเทศไหนน่าสนใจลงทุนมากที่สุด นายวิน กล่าวว่า ยังไม่อยากให้รีบฟันธง แต่ถ้าจะให้น้ำหนักเล็กน้อยก็คือ อินเดีย และ จีน แต่ว่าในภาพใหญ่แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักในเรื่องตราสารหนี้ ทั้งไทยและต่างประเทศ ส่วนทองคำ ต้องมองในภาพยาวถึงจะน่าสนใจ ส่วนระยะสั้นต้องระมัดระวังในการลงทุน  

สำหรับกสิกรไทย มีคอร์พอร์ต ชื่อ K-WealthPLUS Series กลุ่มกองทุนผสม Core Portfolio ด้วยการจัดพอร์ตให้สำเร็จ เลือกสัดส่วนหุ้นได้ตามสไตล์ ความเสี่ยงต่ำสุด สำหรับคนที่ไม่กล้าเผชิญความเสี่ยงในการลงทุน