"กลุ่ม GULF" ท็อปฟอร์ม! โตไม่หยุด ผ่าเกม 2025 โอกาสหรือจุดเสี่ยง ?
อาณาจักรหุ้น "กลุ่ม GULF" ภายใต้ผู้นำอย่าง "สารัชถ์ รัตนาวะดี" นับวันยิ่งไม่ธรรมดา จากพลังงานไฟฟ้า ขยายสู่เทคโนโลยีระดับโลก สตอรี่นี้ใกล้ถึงจุดอิ่มตัวหรือไม่
KEY
POINTS
- อาณาจักรหุ้น "กลุ่ม GULF" ภายใต้ผู้นำอย่าง "สารัชถ์ รัตนาวะดี" นับวันยิ่งไม่ธรรมดา จากพลังงานไฟฟ้า
- ขยายสู่เทคโนโลยีระดับโลก สตอรี่นี้ใกล้ถึงจุดอิ่มตัวหรือไม่
- และนี่คือโอกาสหรือจุดเสี่ยงการลงทุนระยะยาว ?
ในวันที่ "กลุ่ม GULF" ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อย จากอาณาจักรไฟฟ้า ขยายสู่เทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน และดิจิทัลแพลตฟอร์ม ดาต้าเซ็นเตอร์ จนถึงคริปโต นี่คือช่วงเวลาการเติบโตที่ถูกจับตามากที่สุดในตลาดหุ้น
แต่คำถามคือ...
- GULF ยังเป็น "Growth Stock" หรือกำลังถึงจุดอิ่มตัว ?
- นักลงทุนควรวางกลยุทธ์อย่างไรท่ามกลางกระแสเปลี่ยนผ่านพลังงานโลก ?
แต่ก่อนที่จะไปดูอนาคตของ "กลุ่ม GULF" สิ่งหนึ่งที่ต้องพิจารณาคือ ราคาหุ้นแต่ละตัวนับจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน (Year to date : YTD) ระหว่างวันที่ 2 มกราคม จนถึง 4 มิถุนายน 2568 มีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางใด
เริ่มจาก "บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF" ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding company) โดยมีบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ คือ พลังงาน โครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูโภค และดิจิทัล แต่เนื่องด้วย GULF มีการควบรวมกับ INTUCH พร้อมกับเปลี่ยนชื่อใหม่ ดังนั้นข้อมูลนับตั้งแต่ต้นปี YTD จึงไม่มี!
ต่อมาคือ หุ้นของ "บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC" ประกอบธุรกิจให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม รวมถึงธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและธุรกิจดิจิทัล เซอร์วิส โดยราคาหุ้นนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน เพิ่มขึ้น +2.09% อัตราส่วนต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) 23.42 เท่า PEG 1.12 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) 3.62%
หากย้อนกลับไปช่วง 3 ปี พ.ศ.2565-2567 ราคาหุ้น ADVANC ปิดที่ 287 บาท เพิ่มขึ้น +24.78% มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ต แคป) 853,598.19 ล้านบาท อัตราส่วนต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) 26.01 เท่า PEG 2.27 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) 3%
"บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM" ประกอบธุรกิจในกลุ่มธุรกิจหลัก 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.ธุรกิจดาวเทียมและบริการที่เกี่ยวเนื่อง 2.ธุรกิจอินเทอร์เน็ตและสื่อ 3.ธุรกิจโทรศัพท์ในต่างประเทศ 4.ธุรกิจร่วมทุนอื่น
ราคาหุ้น THCOM นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ลดลง -33.07% และหากย้อนกลับไปช่วง 3 ปี พ.ศ.2565-2567 ราคาปิดที่ 12.39 บาท เพิ่มขึ้น 12.39% มาร์เก็ต แคป 13,920.49 ล้านบาท P/E และ PEG N/A ส่วน Dividend Yield 1.02%
"ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK" ประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องตามที่ได้รับอนุญาตไว้ในพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงินฯ และพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ
ราคาหุ้น KBANK นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ลดลง -1.93% ค่า P/E 7.39 เท่า PEG 0.93 เท่า Dividend Yield 7.87% หากย้อนกลับไปช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2565-2567) ปิดที่ 155.50 บาท เพิ่มขึ้น +9.51% มาร์เก็ต แคป 368,430.44 ล้านบาท ค่า P/E ที่ 7.76 เท่า PEG ที่ 0.25 เท่า Dividend Yield 4.18%
ไตรมาส 2/68 กำไรเด่น
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า GULF แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อวันที่ 30 พ.ค.68 เกี่ยวกับการรายงานงบเสมือนของบริษัทฯสำหรับช่วงไตรมาส 1/68 หากอิงข้อมูลจากงบเสมือนกำไรสุทธิสำหรับช่วงไตรมาส 1/68 ของบริษัทอยู่ที่ 6,564 ล้านบาท เติบโต 55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) บริษัทฯยังไม่มีการจัดทำงบเสมือนสำหรับช่วงไตรมาส 4/67 หากหักรายการพิเศษออกกำไรปกติ อยู่ที่ 6,506 ล้านบาท เติบโต 32% จากปีก่อนและดีกว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์คาด 9%
สาเหตุหลักมาจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่สูงกว่าคาด 11% ทั้งนี้การเติบโตสูงจากปีก่อน มาจากการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 3-4 ที่ COD ในปี 2024 แบบเต็มไตรมาส อีกทั้งการเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าหินกองหน่วยที่ 1-2 ที่ COD เดือน มี.ค.2024 และ ม.ค.2025 ตามลำดับเทียบกับช่วงไตรมาส 1/67 ที่รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าหินกองหน่วยที่ 1 เพียง 1 เดือน
รวมถึงการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Jackson ในสหรัฐฯ จำนวน 30 ล้านบาท เทียบกับส่วนแบ่งขาดทุน 195 ล้านบาทในไตรมาส 1/67 และส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC ที่เพิ่มขึ้นเป็น 3,314 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อนตาม ARPU ที่เติบโตขึ้นตามการทยอยปรับขึ้น Package หลักและการเกิด Synergy ระหว่าง ADVANC - TTTBB
เบื้องต้นคาดกำไรปกติในไตรมาส 2/68 ที่ระดับ 7,000-7,500 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ได้ แม้ต้นทุนทางการเงินมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นหลังมีการออกหุ้นกู้จำนวน 3 หมื่นล้านบาทในเดือน มี.ค. หลังได้แรงหนุนจากการเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจโรงไฟฟ้า IPP ในไทย เข้าสู่ช่วงฤดูร้อนทำให้ปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
ส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้า Jackson ที่มีโอกาสเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า จากการเริ่มรับรู้ค่าความพร้อมจ่ายที่สูงขึ้นของตลาดไฟฟ้า PJM ราว 1 เดือน ค่าความพร้อมจ่ายมีการปรับขึ้นในเดือน มิ.ย.2025 ด้านส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตาม ARPU ที่สูงขึ้น รับรู้ผลจากการปรับขึ้นราคา Package หลักแบบเต็มไตรมาส
และการรับรู้รายได้จากเงินปันผลของ KBANK เบื้องต้นคาดรายได้จากเงินปันผลก่อนหักค่าใช้จ่ายทางภาษีจะอยู่ที่ราว 1,000-1,200 ล้านบาท ไม่มีการเปรียบเทียบจากปีก่อน เนื่องจากบริษัทยังไม่ได้มีการจัดทำงบเสมือนสำหรับช่วงไตรมาส 2/67
กำไรปกติในไตรมาส 1/68 คิดเป็นสัดส่วนราว 25% ของกำไรทั้งปี ส่งผลให้ประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ที่ 26,268 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อน มีอัพไซด์อีกราว 5-7% เบื้องต้นฝ่ายวิเคราะห์คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2025 ที่ 57 บาทต่อหุ้น โดยฝ่ายวิเคราะห์มองว่า GULF มีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดีกว่ากลุ่มฯ เพราะการที่บริษัทลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้า IPPเป็นหลักทำให้ได้รับผลกระทบจำกัดจากความพยายามในการปรับลดค่าไฟฟ้าของรัฐบาลไทย
ปัจจุบันบริษัทมีการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าในเวียดนามในสัดส่วนเพียง 3% ของกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นทั้งหมด ทำให้ได้รับผลกระทบจำกัดจากการเจรจาค่าไฟฟ้าสำหรับโครงการพลังงานหมุนเวียนของรัฐบาลเวียดนาม
หากอิงข้อมูลจากงบเสมือนในช่วงไตรมาส 1/68 บริษัทมีมูลค่าส่วนของผู้ถือหุ้นที่ราว 3.3 แสนล้านบาท และมีอัตราส่วน Net IBD/E ที่เพียง 0.9 เท่า ส่งผลให้บริษัทมีความพร้อมในการเข้าลงทุนในโครงการใหม่สูงที่สุดในกลุ่มฯจึงคงแนะนำซื้อ สำหรับการลงทุนในกลุ่มโรงไฟฟ้าในช่วงครึ่งหลังของปี68
GULF ภาพข้างหน้ายังสดใส
บล.กรุงศรี แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 56.50 บาท มองโทนการประชุมเป็น Slightly Positive โดยทิศทางไตรมาส 2/68 จนถึงช่วงครึ่งหลังปี68 ยังมี Driver บวกจากหลายปัจจัยทั้งแนวโน้มส่วนแบ่งกำไร Jackson จะค่อยๆปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้
จากผลการปรับค่าความพร้อมจ่าย Capacity payment ปี68/69 ในตลาด PJM สหรัฐฯขึ้นจาก 29 เหรียญฯต่อเมกะวัตต์ต่อวัน เป็น 270 เหรียญฯต่อเมกะวัตต์ต่อวันใน มิ.ย. พร้อมคาดธุรกิจ LNG trading ยังสามารถเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้าได้ต่อเนื่อง
อีกทั้งผลการควบรวมกับ INTUCH และการเติบโตแบบ organic ของส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC เบื้องต้นฝ่ายวิเคราะห์ประเมินกำไรปกติในไตรมาส 2/68 หลังควบรวมกับ INTUCH เติบโตจากปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้าในกรอบ 6,300-6,500 ล้านบาท
ระยะยาวโปรเจคใหญ่ อาทิ เขื่อนหลวงพระบาง, เขื่อนปากแบงและเขื่อนปากลายยังดำเนินได้ตามแผน รวมถึงปัจจัยกดดันจากนโยบายปรับแก้สัญญาราคา FiT พลังงานหมุนเวียนเฟส 2 ของภาครัฐที่คาดว่าจะค่อยๆคลี่คลายลง หลังมีการตรวจสอบและไม่พบประเด็นผิดปกติคงประมาณการ
ADVANC กำไรแกร่ง
บล. ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus ที่ 317.65 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/68 จนถึงครึ่งหลังปี68 คาดยังแข็งแรงต่อเนื่องหนุนจากทั้งฝั่งรายได้ที่คาดว่ายังเติบโตแข็งแรง ขณะที่ต้นทุนไม่มีแรงกดดันเพิ่มเติมหลังไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่เหมือนช่วง 10 ปีที่ผ่านมา รวมถึงภาพการแข่งขันที่เบาลง
การประมูลคลื่นความถี่รอบใหม่คาดว่าจะไม่แพงเท่าในอดีตทำให้ต้นทุนค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์ระยะยาวลดลงและเป็นบวกต่อกำไรสุทธิ ประมาณการกำไรปี 68 ของ Consensus ล่าสุดอยู่ที่ 4 - 4.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
KBANK โอกาสสร้าง synergy
บล. ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) แนะนำ ซื้อ KBANK ราคาเป้าหมาย 184 บาท ปัจจุบัน GULF เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KBANK หลัง GULF เข้าถือหุ้นเพิ่มใน KBANK จาก 0.53% ในเดือน เม.ย.2024 เป็น 4.6% ในเดือน พ.ค.2025
ขณะเดียวกัน GULF ยังถือหุ้น 40.44% ใน ADVANC ในเดือน เม.ย.2025 ฝ่ายวิเคราะห์เชื่อว่า GULF อาจมองหาโอกาสสร้าง synergy ทางธุรกิจระหว่าง KBANK และ AIS ด้วยเช่นกัน
"เราเชื่อว่า KBANK เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ GULF ที่มีเป้าหมายจะก้าวเข้าสู่ธุรกิจบริการทางการเงินและธุรกิจสินเชื่อดิจิทัล เรามองว่า KBANK และ AIS อาจร่วมมือกันในรูปแบบของการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน(JV)เพื่อให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลโดยพิจารณาจากข้อมูลการชำระเงินรายเดือนของลูกค้า ทั้งนี้ธนาคารมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลน่าสนใจที่ 5.8-7.4% ต่อปีในปี 68-70"
THCOM รับทรัพย์ USO เฟส2
บล. โกลเบล็ก แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 12.50 บาท บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการไตรมาส 1/68 เท่ากับ 550 ล้านบาท ลดลง -9.4% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และ ลดลง -17.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) สาเหตุหลักมาจากการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการ USO เฟส 2 ของ กสทช. หลังจากเกิดช่วงรอยต่อของสัญญาในช่วงก่อนหน้านี้ซึ่งรายได้จะทยอยเข้ามาในไตรมาส 2/68
ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 25.1% ลดลงจาก 26.3% ไปโตรมาสก่อน มีสาเหตุหลักมาจากค่าบำรุงรักษาสถานีภาคพื้นดินในต่างประเทศ นอกจากนี้บริษัทมีการรับรู้รายได้อื่น 240 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทบันทึกกำไรจากการตัดจำหน่ายเจ้าหนี้ที่เกี่ยวข้องกับอาคารและอุปกรณ์เป็นจำนวน 235 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทรายงานกำไรสุทธิเท่ากับ 119 ล้านบาท แต่หากตัดรายการพิเศษทั้งกล่าวข้างต้นออกผลประกอบการปกติจะขาดทุนปกติเท่ากับ 90 ล้านบาท ลดลงจากกำไรปกติ 10 ล้านบาทในไตรมาส 1/67 และขาดทุนปกติ 19 ล้านบาทในไตรมาส 4/67
"เราคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/68 จะกลับมาดีขึ้นตามการรับรู้รายได้ USO เฟส2 ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่หากเปิดประมูลโครงการ USO เฟส 3 ได้เร็วจะเป็นบวกต่อผลประกอบการ ราคาหุ้นยังมี Upside จากราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus"
หุ้นกลุ่ม GULF ยังคงเป็นหนึ่งใน "แกนหลัก" ของการลงทุนในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานของไทย ด้วยแผนการขยายที่ชัดเจนในระดับสากล และการปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัล เช่น แพลตฟอร์มธุรกรรมดิจิทัล, ระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ และพลังงานสะอาด
แม้จะมีความท้าทายจากต้นทุนพลังงานและความผันผวนของเศรษฐกิจโลก แต่หากบริหารความเสี่ยงได้ดี GULF ก็ยังถือเป็น "หุ้นเติบโต" ที่มีศักยภาพสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
สุดท้ายแล้ว...คุณพร้อมหรือยังที่จะวาง GULF เป็นหนึ่งในพอร์ตการลงทุนแห่งอนาคต ?


