บาทแข็ง ฉุดกำไรสุทธิ THCOM ไตรมาสแรก ลดลง 58.7% เหลือ 119 ล้าน

บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM รายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2568 มีกำไรสุทธิ 119 ล้านบาท ลดลง  58.7% จากไตรมาส 1/2567 และลดลง 37% จากไตรมาส 4/2567 เนื่องจากปัจจัยจากอัตราแลกเปลี่ยน จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในไตรมาส 1/2568 โดยสถานการณ์การแข็งค่าของค่าเงินบาทดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออก รวมถึงบริษัท ซึ่งมีสัดส่วนรายได้หลักมาจากต่างประเทศ 

อย่างไรก็ตาม บริษัทตระหนักถึงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อลดผลกระทบ เช่น การบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ 

สำหรับรายได้จากการขายและการให้บริการในไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 500 ล้านบาท ลดลง 17.9% จากไตรมาส 1/2567 และลดลง 9.4% จากไตรมาส 4/2567 โดยมีสาเหตุมาจากรายได้จากการให้บริการดาวเทียมและบริการที่เกี่ยวเนื่องที่ปรับตัวลดลงจากลูกค้าในประเทศ

โดยรายได้จากการให้บริการดาวเทียมและบริการที่เกี่ยวเนื่องในไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 499 ล้านบาท ลดลง 17.8% จากไตรมาส 1/2567 และลดลง 7.2% จากไตรมาส 4/2567 สาเหตุหลักมาจากการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (USO) ระยะที่ 2 ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ยังไม่กลับเข้าสู่ระดับปกติอย่างเต็มจำนวน หลังจากเกิดช่วงรอยต่อของสัญญาในช่วงก่อนหน้านี้ 

ทั้งนี้ รายได้จะทยอยเข้ามาในไตรมาส 2/2568 โดยในปีนี้จะมีโครงการ USO ระยะที่ 3 ที่มีกรอบงบประมาณมากถึง 5,800 ล้านบาท ซึ่งจะมีการให้บริการด้านดาวเทียมรวมอยู่ในโครงการนี้เช่นเดียวกัน โดยบริษัทได้เตรียมความพร้อมและดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อรองรับปริมาณความต้องการที่จะเพิ่มขึ้น

ขณะที่รายได้จากการให้บริการอินเทอร์เน็ตและสื่อในไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 3 ล้านบาท อยู่ในระดับเดียวกันกับในไตรมาส 1/2567 ซึ่งในไตรมาส 1/2568 บริษัทรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโครงการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลให้แก่กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) และมีรายได้ที่ลดลงในส่วนของลูกค้าที่ยกเลิกช่องสัญญาณบางส่วน

นอกจากนี้ ในไตรมาส 1/2568 บริษัทรับรู้รายได้อื่นจำนวนทั้งสิ้น 240 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาส 1/2567 และไตรมาส 4/2567 เป็นผลมาจากการที่บริษัทสามารถบริหารจัดการภาระผูกพันในอดีตที่เกี่ยวข้องกับอาคารและอุปกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทไม่มีภาระผูกพันในการชำระเงินตามสัญญาดังกล่าว

สำหรับธุรกิจการให้บริการโทรศัพท์ในต่างประเทศ ส่วนแบ่งกำไร (ขาดทุน) จากเงินลงทุนในการร่วมค้าปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัท ลาว เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ มหาชน หรือ LTC มีรายได้และกำไรสุทธิที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากนโยบายการปรับโครงสร้างราคาค่าบริการโทรคมนาคมของกระทรวงคมนาคมและการสื่อสาร สปป.ลาว

ทั้งนี้ แม้ว่าสกุลเงินกีบจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาส 1/2568 บริษัทยังคงรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในการร่วมค้า เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่เกิดจากดอกเบี้ยจ่ายที่ บริษัท เชนนิงตัน อินเวสเม้นท์ส พีทีอี จำกัด