เงินบาทแข็งค่า ดึงเม็ดเงินไหลเข้า SET แกว่งกรอบ 1,315-1,335 จุด
ประธาน FED ส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยเดือนกันยายน ด้านค่าเงินบาทส่อแข็งค่าดึงเม็ดเงินไหลเข้าดันหุ้นไทยวันนี้แกว่งกรอบ 1,315-1,335 จุด แนะสะสมลงทุนระยะกลาง กลุ่มค้าปลีก-ท่องเที่ยว-ศูนย์การค้า-ธนาคารพาณิชย์-การเงิน-เครื่องดื่ม เชียร์ "SAWAD-PTTEP"
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.พาย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 0.2% ขณะที่ Nasdaq , S&P500 ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งเพราะได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มชิปจากการที่ประธาน FED ส่งสัญญาณจะปรับลดดอกเบี้ยเดือนกันยายน ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 2.6% ได้แรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางหลังจากผู้นำกลุ่มฮามาสถูกสังหาร
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ ผลประชุม FED คงดอกเบี้ยนโยบายตามที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามถ้อยแถลงจากประธาน FED มีทิศทางที่ Dovish มากขึ้น ข้อมูลจาก CNBC ได้ระบุว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่าการขยายตัวของเงินเฟ้อเข้าใกล้ระดับ 2% มากขึ้น ส่วนความเห็นจากประธาน FED ระบุว่าพวกเราในฐานะธนาคารกลางกำลังจับตาตลาดแรงงานที่เริ่มมีสัญญาณอ่อนแอ พร้อมระบุเพิ่มเติมว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปัจจุบันแตกต่างจากปีก่อน เพราะปีก่อนตลาดแรงงานยังแข็งแกร่งและเงินเฟ้อยังสูง ต่างจากปัจจุบันที่เงินเฟ้อปรับลงแต่อัตราการว่างงานก็ขยับสูงขึ้นบ้าง
ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป (กันยายน) พวกเราในฐานะคณะกรรมการกำลังพูดคุยถึงการลดดอกเบี้ย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นกับข้อมูลทางเศรษฐกิจ จากข้อมูลข้างต้นค่อนข้างชัดเจนว่าประธาน FED ให้น้ำหนักกับตลาดแรงงานที่เริ่มอ่อนแรง ส่วนเงินเฟ้อกำลังค่อยๆปรับลง โดยสรุป ออกไปในทางผ่อนคลาย (Dovish) ภายหลังจากทราบข้อมูลทั้งหมดพบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 2 ปีปรับลงต่อเนื่องทดสอบระดับ 4.28% จากจุดสูงสุดเดิมที่ 5% พร้อมกับ Dollar Index อ่อนค่า
ราคาทองคำปรับขึ้น และเงินบาทแข็งค่าทดสอบระดับ 35.47 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ จากจุดอ่อนค่าสุดที่ 36.95 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ ความเห็นจาก CME FED Watch ล่าสุดให้น้ำหนักราว 89% ที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนกันยายนและอีก 11% ให้น้ำหนักราว 11% ที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ย 0.50% สถิติที่ผ่านมาชี้ว่าก่อนการปรับลดดอกเบี้ย 1 เดือนตลาดหุ้น S&P500 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3% และหลังปรับลดดอกเบี้ย 1 เดือนให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 1.8% หลังลดดอกเบี้ย 3 เดือนผลตอบแทนเฉลี่ย 4.3% อย่างไรก็ตามการปรับลดดอกเบี้ย 3 รอบล่าสุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับฐานแรงผลจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ จึงต้องรอติดตามว่ารอบปัจจุบันจะเกิดวิกฤตครั้งใหญ่หรือไม่ แต่เบื้องต้นไม่คาดว่าเป็นเช่นนั้นปัจจุบันเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นเพียงการชะลอตัวมากกว่าหดตัวรุนแรง ส่วน Sector ที่ Outperform ช่วงลดดอกเบี้ยได้แก่ สาธารณูปโภค สินค้าจำเป็น การแพทย์ และ Underperform ได้แก่ Technology (อิงสถิติปรับลดดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา)
เคาะกรอบ 1315 - 1335 จุด
สำหรับตลาดหุ้นไทยประเมินว่าได้จิตวิทยาเชิงบวกจากค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าและกระตุ้นการไหลเข้าตลาดหุ้น และเป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มการเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) ปันผลสูง (ADVANC) ปัจจัยติดตามคืนนี้ ได้แก่ ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.36 แสนราย หากรายงานสูงกว่าคาดจะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้น
วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1,315 - 1,335 จุด เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังคงคำแนะนำสะสมลงทุนระยะกลางจาก Valuation ที่น่าสนใจ แนะนำกลุ่มค้าปลีก (CRC CPALL DOHOME GLOBAL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ศูนย์การค้า (CPN) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) การเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) เครื่องดื่ม (TACC)
เชียร์ SAWAD - PTTEP
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้ คือ SAWAD (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 48 บาท) คาดกำไรสุทธิจะขยายตัวดีขึ้นที่ 14.3%/15.2% ในปี 2024-25 (2023: +11.7%) หนุนจากการขยายตัวของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ค่าธรรมเนียม และการขาดทุนรถยึดลดลง เรามองว่าผลกำไรใน 2Q24 จะขยายตัวทั้ง YoY และ QoQ จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัวและสำรองหนี้ฯปรับลดลงเป็นหลัก ด้านกำไรสุทธิใน 1Q24 ออกมาตามคาดที่ 1.3 พันล้านบาท (+5.1% YoY, -0.4% QoQ) ขณะที่ NPL ratio เพิ่มเป็น 3.2% และ Coverage ratio เพิ่มเป็น 62.2%
PTTEP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 195 บาท) ผลประกอบการ 3Q24 มีแนวโน้มทรงตัวทั้งราคาน้ำมัน (2Q24:85.3 $/bbl ,3QTD :86.8 $/bbl) หลังจากกลุ่ม OPEC+ ขยายการลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจ จำนวน 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน จนถึงสิ้นไตรมาส 3 หากอุปสงค์ปรับตัวลง ทาง OPEC+ มีโอกาสในการขยายการลดการผลิตช่วยลด Downside ของราคาน้ำมัน ส่วนแนวโน้มปริมาณการขายคาดมีแนวโน้มทรงตัวเนื่องจากมีการเร่งกำลังการผลิตไปแล้วในไตรมาสแรกที่ผ่านมา