posttoday

SET ตัวเลขจ้างงานสหรัฐสูงกว่าคาดกดดัน แนะ “Selective Buy” ชู HANA และ KBANK

10 มิถุนายน 2567

SET เผชิญปัจจัยลบ หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ พ.ค. สูงกว่าคาด กลยุทธ์การลงทุน “Selective Buy” แนะนำ HANA และ KBANK

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET เผชิญปัจจัยลบ หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐประจำเดือน พ.ค. สูงกว่าคาด หนุน bond yield สหรัฐ ปรับขึ้น สร้างความกังวลต่อความไม่แน่นอนการลดดอกเบี้ยเฟด ด้านแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,320 และ 1,310 จุด ตามลำดับ ส่วนการฟื้นตัวยังถูกจำกัดที่แนวต้าน 1,340-1,345 จุด ต้องขึ้นทะลุผ่านก่อนถึงเกิดสัญญาณรีบาวด์

ทั้งนี้ ช่วงสั้นมอง SET ยังเปราะบาง โดยได้รับแรงกดดันจากประเด็นความเสี่ยงทางการเมืองในประเทศที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะกดดันให้ SET ยัง Underperform ตลาดหุ้นในภูมิภาค ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของ กนง. คาดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% เช่นเดิม ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศคาดยังไร้สัญญาณบวกใหม่ในสัปดาห์นี้ อาทิ เงินเฟ้อ พ.ค. ของสหรัฐ และจีน คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้น MoM ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของเฟดคาดจะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.50% แต่คาดจะมีปรับ dot plot ลดดอกเบี้ยในปีนี้น้อยกว่าคาดการณ์เดิมที่ 3 ครั้ง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy" ใน 4 ธีมหลัก ดังนี้

1) หุ้นที่คาดไตรมาส 2/2567 กำไรจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง นอกจากนี้ยังเป็นหุ้นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวชนะตลาดได้ YTD เลือก ICT (ADVANC) TOURISM (MINT) และ FOOD (TU BTG OSP) 

2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากการเข้าสู่บรรยากาศแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร 2024) ในช่วงวันที่ 14 มิ.ย.-14 ก.ค.2567 เลือก ADVANC TRUE CPALL CPAXT BJC MINT TU 

3) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการผลิต (โดยเฉพาะจีน) และผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนปัจจัยบวกดังกล่าว เลือก KCE SCGP PTTGC

4) สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Bent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขึ้นต้นอย่าง PTTEP

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ HANA มองได้อานิสงส์บาทอ่อนค่า และผลการดำเนินงานจะทยอยฟื้นตัวในไตรมาส 2/2567 และคาดจะฟื้นตัวชัดเจนในช่วงครึ่งหลังปี 2567 แรงหนุนจากวงจรการเปลี่ยนสมาร์ท โฟน AI ธุรกิจ RFID และธุรกิจ PMS ขณะที่คาดไม่ได้รับผลกระทบจากราคาทองแดงและทองคำที่เพิ่มขึ้น เพราะสามารถส่งผ่านต้นทุนวัตถุดิบไปยังลูกค้าได้

KBANK มองราคาหุ้นยัง Laggard และปี 2567 คาดกำไรจะยังอยู่ในระดับทรงตัวได้ YoY จากการเติบโตของสินเชื่อที่ 3%, NIM ที่หดตัวลง 3 bps, credit cost ที่ลดลง 13 bps, non-NII ที่ลดลง 9% และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ในระดับทรงตัว ขณะที่ยังมีแนวโน้มจ่ายปันผลดี คาดให้ Div. Yield ปีนี้ราว 5.3%