posttoday

'GULF-GPSC-BGRIM' สตอรี่ตัวไหนดีต่อใจ ?

28 มีนาคม 2567

ฟ้าเปิด! หุ้นโรงไฟฟ้าครึ่งปีแรกดี ขานรับยอดใช้ไฟฟ้าพุ่ง บวกต้นทุนก๊าซฯลด หนุนกำไรปกติทั้งปีนี้ฟื้น 2โบรกใจตรงกัน แนะรอจังหวะสะสม "BGRIM - GULF - GPSC"

     ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น BGRIM ปิดการซื้อขายเช้านี้(28 มี.ค.2567) อยู่ที่ 28.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท คิดเป็น +0.90% มูลค่าการซื้อขาย 74.55 ล้านบาท

     ราคาหุ้น GULF อยู่ที่ 44.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท คิดเป็น +1.15% มูลค่าการซื้อขาย 265.45 ล้านบาท

     ราคาหุ้น GPSC อยู่ที่ 52.75 บาท ลดลง -0.25 บาท คิดเป็น -0.47% มูลค่าการซื้อขาย 122.96 ล้านบาท

'GULF-GPSC-BGRIM' สตอรี่ตัวไหนดีต่อใจ ?

กกพ.ตรึงค่า FT ดีต่อโรงไฟฟ้าอย่างไร ?

     ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติเห็นชอบให้ตรึงค่า FT งวดเดือน พ.ค. - ส.ค. 2567 คงเดิมที่ 39.72 สตางค์/หน่วย เท่ากับงวดเดือน ม.ค. - เม.ย. 2567 ซึ่งเมื่อรวมกับค่าไฟฐาน 3.7833 บาท/หน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟงวดใหม่คงที่อยู่ในระดับเดิมที่ 4.1805 บาท/หน่วย

     การตรึงค่า FT ในครั้งนี้ถือว่าสอดคล้องกับแนวทางที่ กกพ. เคยได้นำเสนอไปในช่วงก่อนหน้า โดยเป็นการเรียกเก็บอยู่ในกรอบกรณีที่ต่ำสุด แบ่งเป็น

     1. ค่า FT ที่สะท้อนต้นทุนค่าเชื้อเพลิงในเดือน พ.ค. - ส.ค.2567 ที่ 19.21 สตางค์/หน่วย

     2. เงินจ่ายคืนหนี้ให้แก่ กฟผ. แบ่งเป็น 7 งวด งวดละ 1.4 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 20.51 สตางค์/หน่วย

     ซึ่งจะยังไม่รวมภาระเงินคงค้างค่าก๊าซฯที่เกิดขึ้นจากการใช้นโยบายตรึงการเรียกเก็บราคาก๊าซฯเดือน ก.ย. - ธ.ค. 2566 คงที่ตามมติ กพช. โดยภาระดังกล่าวยังคงค้างที่ ปตท. (เฉพาะในส่วนของการผลิตไฟฟ้าเพื่อขายเข้าระบบ) 1.21 หมื่นล้านบาท และ กฟผ. ที่ 3.8 พันล้านบาท

     ประเด็นดังกล่าวถือเป็นมุมมองเชิงบวกต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า SPP ที่มีสัดส่วนขายไฟฟ้าให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมค่อนข้างสูง อาทิ BGRIM (สัดส่วนรายได้จากการขายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรมราว 26% ของรายได้รวม) , GPSC (สัดส่วนรายได้จากการขายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรมราว 30% ของรายได้รวม) , GULF (สัดส่วนรายได้จากการขายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรมราว 10% ของรายได้รวม) เนื่องจากค่า FT งวดใหม่ยังสามารถตรึงไว้ได้ในระดับสูง เพื่อจะนำเงินบางส่วนมาทยอยคืนหนี้ให้แก่ กฟผ.

     ขณะที่ประมาณการต้นทุนก๊าซธรรมชาติทุกแหล่ง (รวมค่าผ่านท่อ) รอบ พ.ค.- ส.ค. 2567 มีแนวโน้มปรับตัวลดลงมาอยู่ราว 322.1 บาท/ล้านบีทียู จากเดือน ม.ค. - เม.ย. 2567 ที่อยู่ราว 356.0 บาท/ล้านบีทียู ส่งผลให้ภาพรวมอัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ในงวดไตรมาส 2/2567 มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น QOQ

     ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าเท่าตลาด โดยทิศทางกำไรกลุ่มฯในช่วงสั้นคาดจะเริ่มทยอยฟื้นตัวขึ้น QOQ ตามลำดับ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 หนุนจากความต้องการใช้ไฟฟ้าโดยรวมที่ปรับตัวสูงขึ้น และแนวโน้มต้นทุนก๊าซฯที่คาดลดลง

     อีกทั้งภาพใหญ่รายปี 2567 คาดกำไรปกติทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง YOY จากต้นทุนก๊าซฯเฉลี่ยทั้งปีที่คาดจะปรับตัวลดลงจึงคงคำแนะนำหาจังหวะทยอยสะสมลงทุนระยะยาว สำหรับ BGRIM มูลค่ายุติธรรม (Fair Value) ที่ 34 บาท , GULF มูลค่ายุติธรรม 63 บาท , และ GPSC มูลค่ายุติธรรม 55 บาท 

กำไรโรงไฟฟ้าฟื้น

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ระบุว่า วานนี้(27 มี.ค.67) ที่ประชุม กกพ. ได้มีมติเห็นชอบการคงค่า Ft สำหรับงวด พ.ค. - ส.ค. 2567 ไว้ที่ 39.72 สตางค์/หน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้ายังคงอยู่ที่ระดับ 4.18 บาท/หน่วย เท่ากับงวดปัจจุบัน โดยฝ่ายฯมีมุมมองเป็นกลางต่อประเด็นดังกล่าว เนื่องจากการคงค่าไฟฟ้าในงวด พ.ค.-ส.ค.2567 สอดคล้องกับที่เราและตลาดประเมินไว้ก่อนหน้า

     เบื้องต้นคาดปัจจัยดังกล่าวจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของกำไรของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP (GPSC, BGRIM, GULF) ในช่วงไตรมาส 2/67 (ต้นทุนก๊าซธรรมชาติปรับตัวลงแต่ราคาขายไฟฟ้าทรงตัว) คงคำแนะนำ “ซื้อ” GULF ราคาเป้าหมาย 52.75 บาท และคงคำแนะนำ “TRADING” GPSC ราคาเป้าหมาย 57.00 บาท และ BGRIM ราคาเป้าหมาย 29.25 บาท

GPSC ดี แต่อัพไซด์ไม่มาก  

     ฝ่ายฯมองทิศทางอัตรากำไร "GPSC" ไตรมาส 2/67 ธุรกิจโรงไฟฟ้า SPP จะฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ จากอานิสงส์การปรับตัวลงของต้นทุนก๊าซธรรมชาติตามราคา LNG ในตลาดโลก หลังผ่านช่วง High Season ของความต้องการใช้ในภูมิภาคตะวันตก ท่ามกลางปริมาณก๊าซคงคลังระดับสูง รวมทั้งการเร่งเพิ่มสัดส่วนอุปทานก๊าซในอ่าวไทย ล่าสุดผู้ดำเนินงานโครงการเอราวัณ (PTTEP) สามารถเร่งการผลิตก๊าซได้ 800 mmscfd ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.67 เร็วกว่าแผนที่วางไว้ช่วงต้นเดือน เม.ย.

     แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/67 ฟื้นตัว QoQ จากอุปสงค์ไฟฟ้าไอน้ำเพิ่มขึ้น, ราคาขายไฟฟ้าลูกค้าอุตสาหกรรมขยับขึ้นตามค่าไฟ 4.18 บาท/หน่วย (vs 3.99 บาท/หน่วย),ค่าใช้จ่ายลดลงตามฤดูกาล ขณะที่ผลประกอบการช่วงที่เหลือของปีฟื้นตัวจากค่าไฟฟ้าสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงมากขึ้น, รับรู้กำลังผลิตใหม่, ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น ขณะที่ระยะยาวมีการเติบโตตามการขยายธุรกิจเครือ PTT, รับรู้ประโยชน์จากการลงทุนในอินเดีย, การขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศเพิ่มเติม

     อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น +9% YTD (vs SET -2%) สะท้อนการฟื้นตัวของกำไรระยะสั้นไปบ้างแล้ว ทำให้ปัจจุบัน Upside gain เหลือไม่มาก อีกทั้งฝ่ายฯแนะนำให้ติดตามความชัดเจนของมาตรการ Single Pool Gas ว่าจะเริ่มส่งผลบวกต่อต้นทุนอย่างไร (คาดรับรู้ประโยชน์จากการปรับตัวลงของต้นทุนก๊าซย้อนหลังช่วงครึ่งหลังปีนี้) ดังนั้นระยะสั้นจึงลดคำแนะนำเป็น TRADING ราคาเหมาะสม 57.00 บาท เพื่อรอจังหวะเพิ่มน้ำหนักลงทุนเมื่อ Upside เปิดกว้างกว่านี้