หุ้นใหญ่เดือด ทำไม? 'GULF-GPSC-BGRIM'บวกสวย เล่นสั้น รึ ถือยาว
กกพ.เสนอค่า FT งวดใหม่ ตรึงไว้ 39.72 สตางค์/หน่วย ขึ้นสูงสุด 165.24 สตางค์/หน่วย ฟาก 3โบรกเห็นพ้องคาดคงค่าไฟฟ้า 4.18 บาทต่อหน่วย บวกต้นทุนก๊าซลด หนุนกำไรครึ่งปีแรก BGRIM - GPSC - GULF ทรงดี ฟาก Single Pool Gas ขยายเวลาฉุดธุรกิจโรงแยกก๊าซ PTT
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น BGRIM ซื้อขายเช้านี้(11 มี.ค.67) เวลา 10.44 น. อยู่ที่ 29.50 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท คิดเป็น +3.51% มูลค่าการซื้อขาย 352.94 ล้านบาท
ราคาหุ้น GPSC อยู่ที่ 55.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท คิดเป็น +1.36% มูลค่าการซื้อขาย 172.87 ล้านบาท
ราคาหุ้น GULF อยู่ที่ 44.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 134.56 ล้านบาท
ราคาหุ้น PTT อยู่ที่ 33.75 บาท ลดลง -0.25 บาท คิดเป็น -0.74% มูลค่าการซื้อขาย 660.74 ล้านบาท
ราคาหุ้น CBG อยู่ที่ 66.50 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท คิดเป็น +1.53% มูลค่าการซื้อขาย 53.34 ล้านบาท
ราคาหุ้น OSP อยู่ที่ 20.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท คิดเป็น +2.54% มูลค่าการซื้อขาย 110.14 ล้านบาท
ราคาหุ้น BGC อยู่ที่ 7.25 บาท ลดลง -0.05 บาท คิดเป็น -0.68% มูลค่าการซื้อขาย 0.05 ล้านบาท
กกพ. เปิดรับฟังความคิดเห็นค่าไฟฟ้าผันแปร (FT) งวด พ.ค.-ส.ค. 2567 โดยนำเสนอค่า FT อยู่ในกรอบ 39.72 - 165.24 สตางค์/หน่วย เทียบกับเดือน ม.ค.-เม.ย. ที่มีค่า FT ที่ 39.72 สตางค์/หน่วย ซึ่งเมื่อรวมกับค่าไฟฐาน 3.78 บาท/หน่วยจะส่งผลให้อัตราค่าไฟงวดใหม่คาดอยู่ที่ราว 4.18 –5.44 บาท/หน่วย จากเดิม 4.18 บาท/หน่วยในรอบก่อนหน้า
โดยจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นตั้งแต่ 8 - 22 มี.ค.2567 ก่อนจะสรุปผล และประกาศใช้อย่างเป็นทางการต่อไปโดยแนวทางปรับปรุงค่า FT แบ่งเป็น 3 กรณี ได้แก่
กรณีที่ 1 จ่ายคืนภาระต้นทุนค้างทั้งหมดในงวดเดียว : ส่งผลให้ค่า FT เพิ่มขึ้นจากเดิม 125.52 สตางค์/หน่วย มาอยู่ที่ 165.24 สตางค์/หน่วย (ประกอบด้วย FT ที่สะท้อนต้นทุนเดือน พ.ค.-ส.ค. 2567 19.21 สตางค์/หน่วย และเงินจ่ายคืนหนี้ กฟผ. 146.03 สตางค์/หน่วย) โดยเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาท/หน่วย จะส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 5.44 บาท/หน่วย
กรณีที่ 2 จ่ายคืนภาระต้นทุนค้างใน 4 งวด : ส่งผลให้ค่า FT เพิ่มขึ้นจากเดิม 16 สตางค์/หน่วย มาอยู่ที่55.72 สตางค์/หน่วย (ประกอบด้วย FT ที่สะท้อนต้นทุนเดือน พ.ค.-ส.ค. 2567 19.21 สตางค์/หน่วย และเงินจ่ายคืนหนี้ กฟผ. ที่ 36.51 สตางค์/หน่วย) โดยเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาท/หน่วย จะส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 4.34 บาท/หน่วย
กรณีที่ 3 ตรึงค่า FT เท่ากับงวดปัจจุบัน : โดยตรึงค่า FT ไว้ที่ 39.72 บาท/หน่วย(ประกอบด้วย FT ที่สะท้อนต้นทุนเดือน พ.ค. - ส.ค. 2567 ที่ 19.21 สตางค์/หน่วย และเงินจ่ายคืนหนี้ 20.51 สตางค์/หน่วย) โดยเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาท/หน่วย จะส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเท่ากับงวด ม.ค.-เม.ย. 2567 ที่ 4.18 บาท/หน่วย
ทั้งนี้ การปรับปรุงค่า FT ดังกล่าว จะยังไม่รวมเงินภาระคงค้างค่าก๊าซฯ ที่เกิดขึ้นจากการใช้นโยบายตรึงการเรียกเก็บราคาก๊าซฯเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2566 คงที่ ตามมติ กพช.
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ภาพรวมถือเป็นมุมมองเชิงบวกต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า SPP ที่มีสัดส่วนขายไฟฟ้าให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมค่อนข้างสูง อาทิ BGRIM, GPSC, GULF เนื่องจากค่า FT งวดใหม่มีแนวโน้มคงที่ หรืออาจปรับตัวสูงขึ้นจากงวดก่อนหน้า ในขณะที่ประมาณการต้นทุนก๊าซธรรมชาติ (POOL GAS) รอบ พ.ค.-ส.ค. 2567 มีแนวโน้มลดลงมาอยู่ราว 300 ล้านบาท/ล้านบีทียู จากเดือน ม.ค.-เม.ย. 2567 ที่อยู่ราว 333 บาท/ล้านบีทียู ส่งผลให้ภาพรวมอัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ในงวดไตรมาส 2/66 มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น QOQ ภายใต้สมมติฐานอ้างอิงตามแนวทางค่า FT ทั้ง 3 กรณีดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน กกพ. ยังอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน จึงยังต้องรอข้อสรุปเป็นตัวเลขที่เป็นทางการต่อไป รวมถึงต้องติดตามนโยบายจากภาครัฐฯว่าจะมีมาตรการปรับลดค่า FT ลงให้ตามแนวทางที่ กกพ. เสนอข้างต้น ด้วยการยืดการชำระหนี้ให้แก่ กฟผ. ออกไป เพื่อช่วยเหลือภาคประชาชนอย่างต่อเนื่องหรือไม่
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำหาจังหวะทยอยสะสมลงทุนระระยาวสำหรับ GULF ราคาเป้าหมาย 63 บาท , BGRIM ราคาเป้าหมาย 34 บาท , และ GPSC ราคาเป้าหมาย 55 บาท ที่ได้รับประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯที่คาดจะเริ่มทยอยปรับตัวลดลง รวมถึงโครงการใหม่ๆที่เข้ามาช่วยต่อยอดฐานกำไรให้เติบโตต่อเนื่อง YOY
มาร์จิ้น 3 หุ้นไฟฟ้าพุ่ง
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ออกเอกสารการรับฟังความคิดเห็นเพื่อกำหนดค่าไฟฟ้า Ft งวด พ.ค.-ส.ค.67 โดยราคา Spot LNG ที่ลดลงมากช่วยให้แนวโน้มค่า Ft ลดลงเมื่อเทียบกับงวด ม.ค.-เม.ย. แต่ด้วย กฟผ. ต้องแบกรับต้นทุนแทนผู้ใช้ไฟฟ้าสะสม 1 แสนล้านบาท
กกพ. จึงต้องนำมาประกอบพิจารณาด้วย กกพ. ได้กำหนดค่า Ft ไว้ 3 กรณีคือ 1) กำหนดค่า Ft ที่ 1.6524 บาท/หน่วย สะท้อนต้นทุนค่าไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไปจากฐาน 0.1921 บาท และอีก 1.4603 บาท เป็นส่วนที่จ่ายคืน กฟผ. ตามต้นทุนคงค้างทั้งหมด ทำให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 5.44 บาท/หน่วย เพิ่มขึ้น +30% จากปัจจุบัน 4.18 บาท/หน่วย
2) กำหนดค่า Ft ที่ 0.5572 บาท/หน่วย สะท้อนต้นทุนค่าไฟฟ้าฯ 0.1921บาท และอีก 0.365 บาท เป็นส่วนที่จ่ายคืน กฟผ. โดยแบ่งจ่ายเป็น 4 งวด ทำให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 4.34 บาท/หน่วย เพิ่มขึ้น +3.8% จากปัจจุบัน 4.18 บาท/หน่วย
และ 3) ตรึงค่า Ft เท่ากับงวดปัจจุบัน (ข้อเสนอ กฟผ.) ที่ 0.3972 บาท/หน่วย สะท้อนต้นทุนค่าไฟฟ้าฯ 0.1921 บาท และอีก 0.2051 บาท เป็นส่วนที่จ่ายคืน กฟผ. โดยแบ่งจ่ายเป็น 7 งวด ทำให้ค่าไฟฟ้าคงที่ 4.18 บาท/หน่วย
ทั้งนี้ฝ่ายฯคาดว่าสุดท้ายแล้ว กกพ.จะเลือกกรณีที่ 3 ที่กำหนดค่าไฟฟ้าคงที่ 4.18 บาท/หน่วย โดยประเด็นบวกที่สำคัญที่สุดคือแนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติลดลง โดย กกพ. คาดว่าจะลดลงจาก 356 บ./MMBTU ในงวด ม.ค.-เม.ย. เหลือ 322 บาท/MMBTU ลดลง -9.5% ตามราคา LNG ตลาดโลกลดลงและเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้มาร์จิ้นของโรงไฟฟ้า SPP เพิ่มขึ้นทันที (ค่าไฟฟ้าคงที่ แต่ต้นทุนลดลง) และจะทำให้แนวโน้มกำไรไตรมาส 1 และ ไตรมาส 2 ของปีนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นบวกกับ BGRIM, GPSC, และ GULF มากที่สุด
คงค่าไฟฟ้า 4.18 บ. - Single Pool มีโอกาสใช้ต่อ
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (8 มี.ค.67) นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงาน กกพ.ได้นำเสนอผลการคำนวณค่าไฟฟ้าและข้อเสนอทางเลือกการเรียกเก็บค่าไฟฟ้างวด พ.ค. - ส.ค. จำนวน 3 กรณีคือ 1) ให้มีการจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างให้กับ กฟผ.ทั้งหมดจำนวน 1 แสนล้านบาทภายในงวดเดียว ซึ่งจะส่งผลให้ค่า Ft เพิ่มขึ้น 125.52 สตางค์/หน่วย(ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 5.44 บาท/หน่วย)
2) ให้ทยอยจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างให้กับ กฟผ. ภายใน 4 งวด ซึ่งจะส่งผลให้ค่า Ft เพิ่มขึ้น 16 สตางค์/หน่วย (ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4.34 บาท/หน่วย) และ 3) ให้ทยอยจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างให้กับ กฟผ. ภายใน 7 งวด ซึ่งจะส่งผลให้ค่า Ft เท่ากับงวด ม.ค. - เม.ย. (ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4.18 บาท/หน่วย)
ในขั้นตอนต่อไป กกพ. จะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็น (Public Hearing) ระหว่างวันที่ 8-22 มี.ค.2567 จากนั้นจะมีการประกาศใช้ต่อไป โดยคาดจะมีความชัดเจนภายในช่วงต้นเดือน เม.ย. เบื้องต้นคาดทางเลือกที่ 3 (ค่าไฟฟ้าที่ 4.18 บาท/หน่วย) มีโอกาสเกิดขึ้นมากที่สุดเนื่องจาก 1) ราคาไฟฟ้าของภาคประชาชน โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงจะเท่ากับงวดก่อน ทำให้ไม่มีการเพิ่มภาระให้กับประชาชน 2) กฟผ. มีโอกาสได้รับคืนต้นทุนคงค้างบางส่วน (ช่วยลดภาระทางการเงินของกฟผ.) และ 3) สอดคล้องกับความเห็นของนาย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานที่ต้องการตรึงราคาค่าไฟฟ้าไม่ให้สูงกว่าระดับ 4.18 บาท/หน่วย
ความสามารถในการทำกำไรโรงไฟฟ้า SPP ทยอยฟื้น ในกรณีที่ภาครัฐเห็นชอบการเรียกเก็บค่าไฟฟ้างวด พ.ค. - ส.ค. ที่ 4.18 บาท/หน่วย ฝ่ายฯมองว่าประเด็นดังกล่าวจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนการฟื้นตัวของความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจโรงไฟฟ้า SPP (GPSC, BGRIM, GULF) เนื่องจากค่าไฟฟ้าจะทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกับงวดปัจจุบัน
ขณะที่สมมติฐานต้นทุน Pool Gas ของ กกพ. สำหรับงวด พ.ค.-ส.ค. อยู่ที่ราว 322 บาท/MMBtu ซึ่งต่ำกว่างวดปัจจุบันและใกล้เคียงกับกรอบล่างของ Guidance ค่าเฉลี่ยปี 2567 ของบริษัทในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ระดับ 320-350 บาท/MMBtu แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการปรับตัวลงของต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่มีโอกาสเร็วกว่าคาดทำให้ประมาณการกำไรปีนี้มี Upside
คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ GPSC ที่ราคาเหมาะสม 57.00 บาท/หุ้น และ GULF ที่ราคาเหมาะสม 52.75 บาท/หุ้น รวมถึงคงคำแนะนำ “TRADING” สำหรับ BGRIM ที่ราคาเหมาะสม 29.25 บาท/หุ้น
นอกจากนี้ หุ้นที่มีการใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตสินค้า (เช่น CBG, OSP, BGC) ก็มีโอกาสที่จะได้รับอานิสงส์จากปัจจัยดังกล่าวเช่นกัน
นโยบาย Single Pool Gas มีโอกาสขยายเวลา เป็นลบต่อธุรกิจโรงแยกก๊าซ ฝ่ายฯประมาณการต้นทุนก๊าซธรรมชาติงวด พ.ค. - ส.ค. ของ กกพ. อยู่บนสมมติฐานนโยบาย Single Pool มีผลบังคับใช้ต่อ (แต่ไม่มีการเรียกคืนค่า Shortfall) ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีการยืนยันจาก PTT
ทั้งนี้หากเป็นไปตามสมมติฐานข้างต้น ประเด็นดังกล่าวจะเป็นลบต่อธุรกิจโรงแยกก๊าซ (GSP) ของ PTT โดยจากการประเมินเบื้องต้นคาดผลกระทบจากนโยบาย Single Pool งวดดังกล่าวจะอยู่ที่ราว 4 พันล้านบาท (ต่ำกว่างวด ม.ค. - เม.ย. ที่ราว 6 พันล้านบาท จากราคา LNG ที่ปรับตัวลง)
ดังนั้นเพื่อสะท้อนความเสี่ยงเชิงนโยบายในช่วงเดือน พ.ค. - ส.ค. ฝ่ายฯจึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 67-68 ของ PTT ลง 5-7% เป็น 1 แสนล้านบาท (-8% YoY) และ 1.1 แสนล้านบาท (+14% YoY) ตามลำดับ ส่งผลให้ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 38.00 บาท/หุ้น (เดิม 40.00 บาท/หุ้น) และปรับคำแนะนำจาก “ซื้อ” ลงเป็น “TRADING”
