posttoday

ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน พ.ค.67 “ทรงตัว” หวังท่องเที่ยวฟื้นตัวหนุน

07 มีนาคม 2567

FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า (พ.ค.67) ปรับขึ้น 37.8% อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” หวังภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว-มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ-เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวหนุน

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 (สำรวจระหว่างวันที่ 20-29 กุมภาพันธ์ 2567) พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3เดือนข้างหน้า (พฤษภาคม 2567 ) อยู่ที่ระดับ 106.88 ปรับเพิ่มขึ้น 37.8% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” 

โดยผลสำรวจ ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2567 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ปรับลด 11.9% อยู่ที่ระดับ 122.00 อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” 

ขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล ปรับเพิ่ม 31.4% อยู่ที่ระดับ 115.00 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ปรับเพิ่ม 14.3% มาอยู่ที่ระดับ 100.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ ปรับเพิ่ม 66.7% อยู่ที่ระดับ 100.00 อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”

ทั้งนี้ นักลงทุนมองว่าการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมา คือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ 

ในขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ นโยบายคงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) รองลงมา คือ สถานการณ์เงินเฟ้อ และ การไหลออกของเงินทุน

ขณะเดียวกัน หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM) ส่วนหมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (PETRO)

ทั้งนี้ ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2567 SET Index มีการปรับตัวดีขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้าในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก หลังนักลงทุนมีความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะเริ่มลดดอกเบี้ยลงในเร็ววันนี้ รวมถึงมาตรการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นจีน การส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายทางการเงินอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางญี่ปุ่น การประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่งขึ้น และแรงหนุนจากนักลงทุนต่างชาติที่กลับเข้าซื้อหุ้นไทย ส่งผลให้ SET Index ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ปิดที่ 1,370.67 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.5% จากเดือนก่อนหน้า 

โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 47,265 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิกว่า 3,246 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิกว่า 27,624 ล้านบาท

ทางด้านปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ ทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก อาทิ สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ที่มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยไปอีกระยะหนึ่ง ปัญหาเศรษฐกิจจีนที่ยังต้องติดตามต่อเนื่อง สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยเฉพาะใน รัสเซีย-ยูเครน และในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางยังยืดเยื้อ 

ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศหลังสัญญาณการบริโภคภายในประเทศไทยเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/2566 ต่อเนื่องมาถึงไตรมาส 1/2567 และติดตามผลประชุม กนง. ครั้งถัดไปต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย