เคลียร์ใจ! ตลท. ปลด SP ผิดพลาดจ่อเยียวยา 6 ล้าน - ดราม่า MGI

     นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมาย และ หัวหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กร และกำกับองค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า กรณีความผิดพลาดของระบบปลดเครื่องหมาย SP หุ้นบมจ.มิลล์คอน สตีล (MILL) และ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป (JKN) ในช่วงเช้าของวันที่ 4 มี.ค.67 นั้น  
     โดยปกติหุ้นที่ไม่นำส่งงบการเงินทาง ตลท.จะขึ้นเครื่องหมาย SP ห้ามซื้อขายหุ้น ซึ่งในวันที่ 1 มี.ค.67 ตลท.ขึ้นเครื่องหมาย SP บริษัทจดทะเบียนที่ไม่ส่งงบการเงิน จำนวน 4 บริษัท คือ PLE, JKN, MILL และ KKC จากนั้น ตลท.ได้รับงบการเงินจาก PLE ตลท.จึงดำเนินการปลด SP เพื่อให้กลับมาซื้อขายได้ 

     สิ่งที่เกิดขึ้น คือ การปลดเครื่องหมาย SP จะมีการคีย์คำสั่งเข้าไปในระบบ MME หรือ “Multi Matching Engine” ระบบจับคู่คำสั่ง (Matching) ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯเริ่มใช้เมื่อเดือน พ.ค. 2566 นี่เป็นเหตุการณ์ครั้งแรกที่ตลท.จะมีการปลดหุ้น เดิมทีจะมีการขึ้น SP เพียง 1 บริษัท แต่ครั้งนี้ขึ้น SP พร้อมกัน 4 บริษัท ซึ่งในช่วงทำการปลดเครื่องหมาย ระบบถามว่าจะทำการปลด PLE ใช่หรือไม่ ไม่ได้ปลดอีก 3 ตัวที่เหลือ

     นอกจากนี้ระบบถามว่า ต้องการปลดหุ้นที่ Associate กับตัว PLE หรือไม่ ซึ่งตามปกติหากปลด PLE ต้องปลด PLE - F เพราะเกี่ยวข้องกัน ตลท.จึงดำเนินการปลดเครื่องหมาย แต่ปรากฎว่า Algorithm ของโปรแกรมทำการปลดหุ้นที่ขึ้น SP ทั้ง 4 บริษัทในวันที่ 1 มี.ค.67 แต่เนื่องด้วยหุ้น KKC ไม่มีธุรกรรมการซื้อขายเกิดขึ้นในช่วง 20 นาทีที่ถูกปลดเครื่องหมาย แต่กลับเกิดธุรกรรมการซื้อขายในหุ้น MILL และ JKN

เยียวยา 6 ลบ.

     โดยหลักหุ้นที่ถูก SP คือหุ้นที่ควรห้ามซื้อขาย พอ ตลท.พบว่ามีการซื้อขายหุ้น MILL และ JKN เกิดขึ้น สิ่งที่ต้องทำคือ ตลท.ขอยกเลิกรายการซื้อขายหุ้นทั้ง 2 ตัวในวันดังกล่าว ซึ่งวานนี้(4 มี.ค.67)ได้มีการประชุมกับทางบริษัทหลักทรัพย์สมาชิกเพื่อแจ้งว่า ตลท.มีความจำเป็นที่จะต้องยกเลิกซื้อขายหุ้นที่ไม่ควรจะต้องมีการซื้อขาย เพราะหุ้นยังถูกขึ้นเครื่องหมาย SP

     แต่เป็นความผิดพลาดที่ระบบปลดล็อค SP ทั้งหมด ซึ่งได้มีการสอบถามไปยัง NASDAQ ว่าไม่เคยทราบเรื่อง Algorithm ประเภทนี้มาก่อน ถือเป็นบทเรียนที่จะต้องมาพูดคุย หาทางป้องกัน และพูดคุยกับ NASDAQ เพิ่มขึ้นเพื่อเรียนรู้ MME เพิ่มขึ้น 

     "ตลาดหลักทรัพย์ฯยอมรับว่า เมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ต้องเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น จึงเป็นที่มาของการพูดคุยกับบริษัทหลักทรัพย์สมาชิกเพื่อทราบในรายละเอียด เบื้องต้นมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 6 ล้านบาท ดังนั้นคาดว่ามูลค่าการเยียวยาไม่น่าจะเกินจากวงเงินดังกล่าว และต้องดูเงื่อนไขการเคลมประกัน ซึ่งต้องคุยกับทางโบรกเกอร์ในรายละเอียดต่างๆเพิ่ม

     และนี่เป็นครั้งแรกที่เราเจอ ทาง NASDAQก็เพิ่งเคยเจอ ดังนั้นต้องมาศึกษาเรื่องระบบ เราไม่โทษเรื่อง Human Error ถามว่าจะกระทบความเชื่อมั่นหรือไม่ ต้องบอกว่าระบบนี้ใช้งานไม่ถึง 1 ปีก็ต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมาอีก ขอย้ำว่าระบบที่ใช้คือ NASDAQ เป็นระบบที่ค่อนข้างดี และมีการใช้ระดับโลก"

ระบบพร้อม ? ขยายเวลาเทรด 25มี.ค.นี้

     ตลท.ยืนยันว่าเตรียมระบบพร้อมสำหรับการเปิดซื้อขายช่วงบ่ายเร็วขึ้น 30 นาที ตั้งแต่เวลา 14.00 - 16.30 น. และช่วงที่ผ่านมาได้ทดสอบระบบกับสมาชิกเรียบร้อย ถามว่าวอลุ่มการซื้อขายจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ ก็ต้องรอดูว่าเปิดการซื้อขายแล้ววอลุ่มจะเข้ามามากน้อยแค่ไหน

     ทั้งนี้ ตลท.เชื่อว่าการมีช่วงเวลาเทรดที่เพิ่มขึ้นน่าจะช่วยให้นักลงทุนมีระยะเวลาในการลงทุนเพิ่มขึ้น คาดหวังว่าจะช่วยวอลุ่มการซื้อขายในตลาดเพิ่มมากขึ้น คงต้องรอดูผลต่อไป

กรณีคนมองเกิดดราม่า "ตลท. vs MGI"

     สิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯทำคือ ต้องการให้ข้อมูลแก่สาธารณะ อย่างกรณีที่วานนี้ที่ ตลท.แจ้งข่าวเรื่องการทำ naked short selling โดยใช้ Robot trading ในการซื้อขายหุ้น MGI นั้น เนื่องด้วยทางบริษัทอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนในสิ่งที่บอกว่าหุ้นถูก Short Sell

     ดังนั้นสิ่งที่ ตลท.ต้องชี้แจงต่อสาธารณะให้เข้าใจตรงกันก็คือ หุ้นที่จะ Short Sell ได้ต้องเป็นหุ้นที่ตลท.กำหนดให้ Short Sell ได้ เดิมคือ SET100 บวกหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคป 5,000 ล้านบาท ที่สำคัญต้องมีการประกาศจาก ตลท.ก่อนว่าหุ้นใดบ้างที่จะ Short Sell ได้ ไม่ได้หมายความว่า คุณมีมาร์เก็ตแคป 5,000 ล้านบาทจะสามารถ Short Sell ได้ 

     แม้หุ้น MGI จะมีมาร์เก็ตแคปเกิน 5,000 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้เป็นหลักทรัพย์ที่ ตลท.ประกาศให้สามารรถ Short Sell ได้ ก็ถือว่ายังไม่สามารถ Short Sell ได้

     "การให้ข่าวของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน เราคงไม่สามารถไปบอกตรงๆได้ว่า อะไรคุณพูดได้หรือไม่ได้ แต่ถ้าสิ่งที่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนพูดแล้วเรามองว่าเป็นสาระสำคัญและผู้ลงทุนจำเป็นต้องรู้ เราจะติดตามให้บริษัทได้ชี้แจงเพิ่มเติม ซึ่งเราดูแลทุกบริษัทจดทะเบียนให้เป็นไปตามเกณฑ์เหมือนกัน ไม่ได้บอกว่าเฉพาะ MGI ในอดีตมีหลายกรณีที่ ตลท.จะติดตามให้ชี้แจงเพิ่มเติม นี่เป็นหน้าที่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ"