posttoday

SET ลุ้นฟื้นตัวต่อ แนะ “ตั้งรับ” ชู TOP และ BDMS

05 กุมภาพันธ์ 2567

SET ลุ้นฟื้นตัวต่อ หลังสร้างสัญญาณเทคนิคที่เป็นบวก รวมถึงทิศทาง fund flow ไหลเข้า กลยุทธ์การลงทุน “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด” แนะนำ TOP และ BDMS

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET กลับมาฟื้นตัว และสร้างสัญญาณเทคนิคที่เป็นบวก รวมถึงทิศทาง fund flow ที่ไหลเข้า ทำให้คาดว่าดัชนียังฟื้นตัวได้ต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1,390 และ 1,396 จุด ตามลำดับ ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับบริเวณ 1,380 และ 1,370 จุด ตามลำดับ หากไม่ต่ำกว่า ยังเป็นสัญญาณที่ดีต่อ ภาพการฟื้นตัวได้อยู่

ทั้งนี้ ช่วงสั้นมอง SET อยู่ในภาวะเปราะบางและการฟื้นตัวยังอยู่ในกรอบจำกัด หลังคาดเงินเฟ้อไทยและจีน ม.ค. มีแนวโน้มหดตัว, กนง. จะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 7 ก.พ. อีกทั้งดัชนี PMI ภาคบริการ ม.ค. ของสหรัฐ จีน และอียู จะชะลอตัวลง นอกจากนั้นผลประกอบการไตรมาส 4/2566 ของ บจ. ไทยอาจออกมาอ่อนแอและยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงเน้น "ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด" ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้ 

1) นักลงทุนที่กังวลตลาดผันผวนเชิงลบแนะนำลงทุนในหุ้นตั้งรับ ซึ่งคาดจะสามารถชนะตลาดได้ โดยมี Beta ต่ำกว่า 1, ราคาหุ้นปรับตัว YTD ดีกว่า SET เลือก ADVANC AOT BDMS TISCO

2) นักลงทุนระยะสั้น (3-4 เดือน) ที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพในเทศกาลจ่ายเงินปันผลและขึ้น XD ในช่วง มี.ค.-พ.ค.นี้ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2566 (หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว) เกิน 5% เลือก AP BCP KTB ขณะที่นักลงทุนระยะยาวที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่ดีต่อเนื่อง โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2567 เกิน 5% เลือก AH AP BCP KTB PTT TTB

3) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง 

ระยะสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดผลประกอบการไตรมาส 4/2566 อาจอ่อนแอกว่าตลาดคาด ได้แก่ BJC HMPRO GLOBAL CRC ZEN AU CPF BTG ONEE AWC SIRI 

ส่วนระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ TOP ไตรมาส 4/2566 คาดกำไรสุทธิ 2.7 พันล้านบาท ดีขึ้นมาก YoY หนุนปี 2566 กำไรสุทธิจะดีกว่าตลาดและเราคาดแนวโน้มกำไรปี 2567 ยังแข็งแกร่ง หนุนจาก market GRM และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ PX ที่ดี อีกทั้ง Valuation ปัจจุบัน PBV ปี 2567 ที่ 0.6x (-1.6SD ค่าเฉลี่ย 5 ปี) คาด Div. Yield ราว 6%

BDMS มองราคาหุ้นจะ outperform ต่อเนื่อง หนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ประเมินกำไรปกติไตรมาส 4/2566 ที่ 3.6 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 16% YoY แต่ลดลง 7%QoQ) คาดกำไรปกติปี 2567 โต 8%YoY อีกทั้ง Valuation ยังอยู่ในระดับ PER ปี 2567 ที่ 29 เท่า ต่ำกว่า -2SD ของ PER เฉลี่ยในอดีต