ขาขึ้นรอบสั้น! หุ้นไทยปีมังกรสตอรี่แน่น กราฟไม่หลุด 1410 มีลุ้น 1440

     ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายวันนี้(2 ม.ค. 2567) อยู่ที่ 1,433.38 จุด เพิ่มขึ้น 17.53 จุด คิดเป็น +1.24% มูลค่าการซื้อขาย 43,272.05 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,434.21 จุด และลดลงต่ำสุด 1,413.57 จุด

5 หุ้นซื้อขายสูงสุด ดังนี้
     1. AOT ปิดที่ 62.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,202.50 ลบ.
     2. DELTA ปิดที่ 91.25 บาท เพิ่มขึ้น 3.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,462.02 ลบ.
     3. CPN ปิดที่ 68.50 บาท ลดลง 1.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,340.76 ลบ.
     4. PTT ปิดที่ 35.50 บาท ลดลง 0.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,316.62 ลบ.
     5. KBANK ปิดที่ 134.50 บาท ลดลง 0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,127.95 ลบ.

ฟ้าใสหลังฝนซา

     ฝ่ายกลยุทธ์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SET Index ภาพในราย 4 ชั่วโมง ดัชนีปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งมีแท่ง Bullish Bar ขนาดใหญ่ สอดรับกับ RSI ที่พุ่งทะลุโซน Overbought บ่งชี้ว่าดัชนีได้กลับมาสู่รอบขาขึ้นในระยะสั้นแล้ว โดยมีแนวต้านที่เส้น EMA200 บริเวณ 1440 / 1445 จุด ที่ไปถึงอาจจะมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง แต่หากไม่หลุดต่ากว่าเส้น EMA20 ที่ 1410 จุด ดัชนีจะยังขึ้นต่อได้และหากผ่านเส้น EMA200 จะกลับเข้าสู่รอบแนวโน้มขาขึ้น

     กลยุทธ์การลงทุนหุ้นไทยวันพรุ่งนี้(3 ม.ค.67) ทางฝ่ายฯแนะนำให้ลงทุนหุ้นที่เริ่มมีสัญญาณกลับตัว ตัดขาดทุนหากดัชนีกลับลงมาปิดต่ำกว่า 1400 จุด

     โดยหุ้นทางเทคนิค แนะนำ หุ้น SISB ภาพรายวัน ราคาทะลุกรอบ Channel ขึ้นมาตามเส้น EMA20 แล้วมีแท่งเทียน Bullish Bar ขนาดใหญ่ บ่งบอกโมเมนตัมทางบวกแข็งแกร่ง ขณะที่ RSI ใกล้แตะ Overbought ลุ้นราคาทำ New High ขึ้นมาได้ ภาพรวมราคายังมีทรงขาขึ้นแข็งแกร่ง ตามความชันของเส้น EMA20 ที่ถ่างออกจาก EMA200 มากขึ้นเรื่อยๆ
     กลยุทธ์การลงทุน Buy on Breakout ที่ 36 บาท แนวต้าน 38 / 39 บาท แนวรับ 35.50 บาท STOP LOSS ต่ำกว่า 34.50 บาท

     หุ้น CPAXT ภาพรายวัน ราคา Breakout เส้น Trend Line หลังจากราคาทำ Lower Low แล้ว RSI ยกตัวขึ้นเกิด Higher Low เป็นสัญญาณ Bullish Divergence แล้วราคาน่าจะเข้าสู่การรีบาวด์ ด้าน MACD ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal คาดราคาจะรีบาวด์ไปทดสอบ High ก่อนหน้าที่ 29.50 บาท
     กลยุทธ์การลงทุน Buy on Breakout เส้น Trend Line ที่ 27 บาท แนวต้าน 29.50 / 31 บาท STOP LOSS ต่ำกว่า 26 บาท

     หุ้น SAT ภาพรายวัน ราคาแกว่งตัวสะสมในกรอบสามเหลี่ยมมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง แล้วได้ Breakout ทะลุผ่านขอบบนขึ้นมาได้ และไม่มีการย่อกลับไปในกรอบ สะท้อนการ Breakout นี้ เป็นจังหวะที่หุ้นกลับตัว มองราคาจะไปทดสอบแนวต้านเส้น EMA200 ที่บริเวณ 19.00 บาท รอลุ้นราคากลับไปยืนเส้น EMA200 ราคาน่าจะกลับเป็นรอบแนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง
     กลยุทธ์การลงทุน Buy on Breakout ที่ 18.00 บาท แนวต้าน 18.70 / 19.00 บาท STOP LOSS ต่ำกว่า 17.70 บาท

Q1 ไซด์เวย์ 1515 

     นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยช่วงไตรมาส 1/2567 หรือปีมังกร ดัชนี SET มีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways ออกด้านข้าง จากระดับดัชนีกรณีฐานที่ 1410 จุด อิง Forward PE ที่ 12.5 เท่า 

     ขณะที่สภาพคล่องภายในยังไม่น่าจะไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยมากนัก หลังจากเงินส่วนใหญ่ยังคงกองอยู่ในบัญชีเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศ(FCD)ซึ่งยังไม่น่าจะมีท่าทีไหลออก จากการที่ Fed ยังไม่น่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยในช่วง 3 เดือนแรกของปี ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯกับไทยน่าจะยังคงยืนกว้างอยู่เหมือนเดิม

     “หุ้นไทยและหุ้นโลกในช่วงไตรมาสจะถูกรบกวนจากสิ่งรบกวนรอบข้าง (Noise) ในระดับต่ำ คล้ายๆกับช่วงครึ่งหลังของไตรมาส 4/66 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตลาดหุ้นทุกแห่งจะปรับตัว Sideways เหมือนกันทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับ Performance ของตลาดหุ้นแต่ละแห่งจะแตกต่างกันไปบ้าง ตามแนวโน้มพื้นฐานกำไรของแต่ละประเทศเป็นสำคัญ”

     สำหรับกลยุทธ์การลงทุนประจำไตรมาสที่ 1 ปีมังกรนั้น หุ้นกลุ่ม SETESG และ SETHD น่าจะเป็นกลุ่มที่เม็ดเงินไหลเข้า โดยจากการศึกษาทางสถิติในอดีต พบรายชื่อหุ้นที่อยู่ในทั้ง 2 ดัชนีที่มีความเชื่อมั่นทางสถิติสูงเกินกว่า 70% ขึ้นไป ว่าจะส่งมอบผลตอบแทนที่เป็นบวกได้ในช่วง 4 เดือนแรกของปีจะได้รายชื่อหุ้นที่ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดดังกล่าวอยู่ 7 บริษัทด้วยกัน ได้แก่ ADVANC, AP, BCH, INTUCH, PTT, SIRI, TISCO จึงแนะนำหุ้น 7 ตัวนี้เป็น Best picks ประจำไตรมาส 1 และแนะนำให้นักลงทุนจัดสรรการลงทุนกระจายไปยังหุ้นทั้ง 7 ตัวนี้

     ส่วนของประเทศไทยที่ถูกปรับลดประมาณการลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้เป็นตลาดหุ้นหนึ่งที่ปรับตัวแย่ที่สุดของโลก หากในช่วงต้นปีนี้เศรษฐกิจมีแรงส่งจากมาตรการกระตุ้นการบริโภค(Easy E-Receipt)การต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพ รวมถึงการอนุมัติงบประมาณฉบับใหม่ คาดว่าจะเริ่มเห็นแนวโน้มการปรับประมาณการกำไรขึ้นของกลุ่มที่อิงกับภาคอุปสงค์ภายในประเทศได้ เมื่อมาประกอบกับแนวโน้มกำไรของกลุ่ม Global cyclical อย่างพลังงานและปิโตรเคมี ที่น่าจะทรงตัวได้จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่น่าจะมีความเสี่ยงหดตัวแรง ทำให้พอเชื่อได้ว่าแนวโน้มกำไรตลาดหุ้นไทยในไตรมาสแรกน่าจะเห็นการทยอยปรับเพิ่มประมาณการขึ้นจากช่วงไตรมาส 4/66ได้บ้าง

     ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2 การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่างๆจะขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก กล่าวคือความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกถดถอยและท่าทีของ Fed เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยว่าจะช้าเร็วขนาดไหน โดยหาก Fed มีการลดดอกเบี้ยเร็วก่อนที่เศรษฐกิจโลกจะมีสัญญาณความเสี่ยงถดถอย มีโอกาสที่ SET Index จะปรับตัวขึ้นทดสอบกรณีดีสุดที่ระดับ 1515 จุด อิง Forward PE ที่ 13.4 เท่า