posttoday

น้ำขึ้นให้รีบตัก! "BTS" ดีดรับ กทม.จ่ายหนี้ ฟากกูรูส่องกำไรไร้แววฟื้น

17 ตุลาคม 2566

"BTS" ราคาพุ่ง 5.41% รับข่าว กทม.เตรียมจ่ายหนี้ค่าติดตั้งระบบเดินรถสายสีเขียว 2.3 หมื่นล้านบาท โบรกมองเรื่องคืนหนี้เกินคาดหมายหนุนสัญญาณดี แต่สแกนงบครึ่งหลังยังไร้แววฟื้น รายจ่ายเพียบ เคาะกรอบเหมาะสม 8.50 - 9 บาท

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น "บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS" ปิดการซื้อขายเช้านี้(17 ต.ค.66) อยู่ที่ 7.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท คิดเป็น +5.41% มูลค่าการซื้อขาย 304.58 ล้านบาท ระหว่างวันราคาขึ้นสูงสุด 7.85 บาท และลดลงต่ำสุด 7.45 บาท

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี พัฒนสิน แนะนำซื้อ BTS ราคาเป้าหมาย 8.50 บาท โดยฝ่ายวิเคราะห์ได้รับข้อมูลว่า สภา กทม. โหวตเห็นชอบการชำระหนี้ E&M มูลค่า 2.3 หมื่นล้านบาท (รวมดอกเบี้ย) คืนให้กับ BTS เป็นที่เรียบร้อยสำหรับค่าจ้างการติดตั้งระบบอาณัติ สัญญาณของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2566 

     โดยในขั้นตอนถัดไปจะมีการทำหนังสือแจ้งกระทรวงมหาดไทยเรื่องการอนุมัติชำระหนี้ และเรายังได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่า กทม.ได้มีการร้องของบประมาณสนับสนุนในการชำระหนี้ E&M จากกระทรวงฯให้กับ BTS แต่หากกระทรวงฯ ไม่อนุมัติทาง กทม. ก็จะพิจารณาจัดสรรงบประมาณชำระหนี้ต่อไป ซึ่งฝ่ายฯได้มีโอกาสสอบถามกับทางบริษัทและได้รับข้อมูลว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนในการดำเนินกระบวนการต่างๆก่อนเริ่มชำระหนี้ซึ่งนับตั้งแต่ วันที่ 4 ตุลาคม และครบระยะเวลาในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2566

     การแก้ปัญหาด้านกฎเกณฑ์จะเป็นแรงยกระดับงบดุลและกระแสเงินสด โดยพัฒนาการเชิงบวกของ BTS และแน่นอนว่าพัฒนาการที่ดีขึ้นของกฎเกณฑ์ต่างๆ จะเป็นแรงสนับสนุนเชิงบวกต่อกระแสเงินสดและงบแสดงฐานะการเงิน (งบดุล) ของ BTS แต่ไม่ใช่กับงบกำไรขาดทุน เพราะว่า BTS มีการบันทึกรายได้ E&M อยู่ในเกณฑ์ ค้างรับแต่ว่าการก่อสร้างนั้นได้แล้วเสร็จไปตั้งแต่ปี 2560 จากการคำนวณของฝ่ายฯหาก BTS นำเงินไปชำระหนี้ต่อจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) จะลดลงมาอยู่ที่ 1.16 เท่า จาก 1.45 เท่า (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566) 

     นอกเหนือจากกรณีของ E&M นั้น ฝ่ายฯยังเชื่อว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษากรณีข้อพิพาท O&M ภายในปีนี้ อ้างอิงจากความเห็นของคณะกรรมการตุลาการเมื่อ วันที่ 20 สิงหาคม 2566 ยืนตามศาลปกครองให้ กทม. และ บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัดชำระหนี้ค่าบริการเดินรถและซ่อมบำรุงจำนวน 1.17 หมื่นล้านบาทให้กับ BTS

กำไรไร้แววฟื้น

     อย่างไรก็ดี เป็นเวลากว่า 2 ปี แล้วที่ราคาหุ้น BTS ถูกฉุดรั้งด้วยความกังวลต่อความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ที่เพิ่มขึ้นและอัตรา กำไรที่อ่อนตัวลงของ VGI และ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ในขณะที่เรายังมองไม่เห็นการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของกำไรในอีก 2 ไตรมาสข้างหน้า ซึ่งความกังวลด้านกฎเกณฑ์ที่ผ่อนคลายลงจะเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นราคาหุ้นได้

 

แรงกดดันยังแน่น

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาด BTSC จะได้รับคืนหนี้ติดตั้งระบบเดินรถสายสีเขียว (E&M) 2.3 หมื่นล้านบาทในช่วงปลายปีนี้ บริษัทกรุงเทพธนาคม (KT)ได้ประชุมหารือกับ BTSC จนได้ข้อยุติยอดหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ต้องชำระ ณ วันที่ 9 ต.ค.66 สำหรับงานติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (บางส่วน) อยู่ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท

     ขณะนี้ทางกรุงเทพมหานครอยู่ระหว่างดำเนินการนำเสนอให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาว่าจะสามารถอุดหนุนยอดหนี้ดังกล่าวได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้จะนำเสนอเข้าที่ประชุมสภากทม.เพื่อพิจารณาจัดสรรงบประมาณชำระต่อไป ทั้งนี้ทางสภากทม.มีเงินอยู่ประมาณ 4 หมื่นล้านบาทซึ่งเพียงพอที่จะจ่ายให้บริษัทได้ สำหรับขั้นตอนส่งเรื่องไปยังกระทรวงมหาดไทยและส่งกลับมาที่สภา กทม.คาดจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ดังนั้นคาดว่าบริษัทน่าจะได้รับคืนหนี้ก้อนนี้ในช่วงปลายปีนี้

     นอกจากนี้ กทม.เตรียมเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง-เคหะสมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต 15 บาทตลอดสายในช่วงเดือน พ.ย.นี้ คาดว่าการเก็บค่าโดยสารดังกล่าวจะทำให้ กทม.มีรายได้เข้ามาบ้างและอาจจะทำให้การจ่ายคืนหนี้กับทาง BTS ง่ายขึ้น (แม้รายได้ดังกล่าวจะน้อยมากเมื่อเทียบกับมูลหนี้ทั้งหมด)

     สำหรับ BTS ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ BTS อยู่ที่ 9 บาท (SOTP) โดยอ้างอิง BTSGIF มูลค่าเหมาะสม 4.82 บาท, VGI มูลค่าเหมาะสม 3.70 บาท และ RABBIT อิงจากมูลค่าตลาด 0.60 บาท ปัจจัยเสี่ยงมาจากการฟื้นตัวที่ช้ากว่าที่เราคาด และค่าใช้จ่ายจากการให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพู/เหลืองมากกว่าคาด