posttoday

จับตาการสู้รบหวั่นรุนแรงต่อ หุ้นไทยเน้นตั้งรับเล่นรีบาวด์

09 ตุลาคม 2566

จับตาความขัดแย้งอิสราเอล-ฮามาสหวั่นรุนแรงต่อ อุปทานน้ำมันดิบตึงตัวหนุนราคาน้ำมันดิบโลกดีดกลับแรงเคาะกรอบหุ้นไทยวันนี้ 1,430 - 1,435 จุด ชู 4 หุ้นพื้นฐานแน่น กราฟแกร่ง

     ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ตลาดหุ้นวานนี้ SET Index ร่วง 14 จุด (-0.97%) ปิดที่ระดับ 1,438 จุด จากแรงขายหุ้นกลุ่ม โรงไฟฟ้าหลังโบรกต่างชาติปรับลดคำแนะนำและราคาเป้าหมาย อีกทั้งยังมีแรงขายหุ้น DELTA หลังพบรายการ Big Lot ราคาต่ำกว่าในกระดาน

     แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ประเมิน SET อ่อนตัวแนวรับ 1,430 - 1,435 จุด ภาวะตลาดถูกกดดันจากสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสซึ่งจะทำให้ความตึงเครียดในตะวันออกกลางรุนแรงมากขึ้น ซึ่งเป็นลบต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง 

     ซึ่งสถิติเมื่อเดือน พ.ค. ปี 2021 เหตุการณ์รุนแรงในอิสราเอลส่งผลกระทบต่อไทยจำกัด ทั้ง ภาคการค้าและการลงทุนในตลาดหุ้น (SET ลดลง 9 จุด ในวันแรก, ลดลง 7 จุด และ 23 จุดในวันที่ 2 และ 3 ตามลำดับ) แต่ประมาทไม่ได้เพราะหากสงคราม ขยายวงกว้างไปสู่ประเทศอาหรับอื่นๆ อาจจะส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งแรงกลายเป็นวิกฤตพลังงาน เงินเฟ้อ และ เศรษฐกิจโลกอย่างเลี่ยงไม่ได้

     ขณะที่ ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นแรงจากความกังวลด้าน Supply รวมถึงแรงซื้อรีบาวด์ตามเทคนิคภาวะ Oversold จะช่วยหนุนให้ดัชนีสลับรีบาวด์ขึ้นได้

     อย่างไรก็ตาม กราฟ SET ไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญ 1,460 จุดส่งผลให้มีแรงขายกดดัชนีทรุดตัวลงอีกครั้ง อีกทั้งเครื่องมือ MACD กับ RSI ทิ้งตัวลงให้สัญญาณลบทั้งคู่ ดังนั้นประเมินว่า SET จะอ่อนตัวแนวรับ 1,430 - 1,435 จุด แต่มองเป็นจังหวะซื้อเล่นรีบาวด์จากภาวะ Oversold ของ RSI ทั้งนี้มีจุด Cut loss หากหลุด 1,430 จุด

กลยุทธ์การลงทุน: Selvectie buy
     PTTEP BCP SPRC TOP ราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น
     TU ITC AAI ASIAN CFRESH MEGA KCE HANA อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า
     ADVANC INTUCH BEM BTS BDMS BCH กลุ่ม Defensive ช่วงตลาดพักตัว

หุ้นแนะนำวันนี้

     PTTEP (ปิด 162 ซื้อ/เป้า 196 บาท) ราคาหุ้นผ่านการปรับฐานตามราคา น้ำมันมาแล้ว สัปดาห์นี้คาดจะเห็นการฟื้นตัวทั้งราคาน้ำมันและราคาหุ้นของ PTTEP นอกจากนี้ยังมีประเด็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง
ช่วยหนุน Sentiment

     CHG (ปิด 3.34 ซื้อ/เป้า 3.50 บาท) คาดมีกำไรสุทธิ 3Q23 ที่ 243 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18%qoq จากแรงหนุนของจำนวนผู้ป่วยในประเทศที่สูงขึ้นตามการแพร่ระบาดของโรคต่างๆ อาทิ ไข้เลือดออก, ไข้หวัดใหญ และมือเท้าปากในเด็ก

ประเด็นสำคัญวันนี้

     (+) ตลาดหุ้นสหรัฐกลับมาฟื้นตัวคลายกังวลวิกฤติ ศก. หลัง Nonfarm payrolls สหรัฐดีเกินคาด: ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 288 จุด ตลาดมีมุมมองเชิงบวกจากตัวเลขในตลาดแรงงานของสหรัฐ หลังจากที่จำนวนตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) เดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 336,000 ตำแหน่งมากกว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ 170,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานทรงตัวที่ 3.8% สวนทางกับที่ Consensus คาดว่าจะลดลงเป็น 3.7%

     (+/-) ตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) เดือน ก.ย. ของสหรัฐจะบ่งชี้ทิศทางดอกเบี้ยของเฟด: สหรัฐจะประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) เดือน ก.ย.ในวันที่ 12 ต.ค. โทนโดยรวมเป็นกลางเนื่องจาก Consensus คาด Headline CPI เดือน ก.ย. จะอยู่ที่ระดับ 3.6 ถึง 3.8% ใกล้เคียงกับเดือน ส.ค. ที่ 3.7% และ คาด Core CPI จะลดลงเป็น 4.1% จาก 4.3% ในเดือน ส.ค.

 

พลังงานต้นน้ำฟื้น

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับลดลงต่อ และยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ที่ชัดเจน ทำให้โมเมนตัมของ SETI ยังดูเป็นลบ เราจึงแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเหลือ 85% และให้เน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ เช่นกลุ่มพลังงานต้นน้ำและกลุ่มธนาคารที่ใกล้รายงานผลการดำเนินงาน 3Q66

     ในเชิงกลยุทธ์ ในช่วงนี้คงแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว ได้แก่ 1) หุ้นอิงการท่องเที่ยว ได้ผลบวกจากภาคการท่องเที่ยวไทยที่กลับมาคึกคัก หลัง ครม. มีมติให้นักท่องเที่ยวจากจีนและคาซัคสถานสามารถเดินทางมาไทยได้โดยไม่ต้องขอ visa ถึงสิ้นเดือน ก.พ. 67 เป็ นบวกต่อ AAV, AOT, BA, CPALL, ERW 

     2) หุ้นกลุ่มที่คาดได้ประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่จากการปรับลดอัตราค่าไฟฟ้า และราคาน้ำมันดีเซล เราชอบ ADVANC, CPALL, SJWD

     สำหรับวันนี้(9 ต.ค.66) ตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยขับเคลื่อนราคาที่น่าสนใจติดตามหลายประเด็น ดังนี้ 1) การปะทะกันระหว่าง อิสราเอล-ฮามาส ทำให้ตลาดกลับมากังวลด้านอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว หนุนราคาน้ำมันดิบโลกเช้าวันนี้ดีดกลับแรงเกือบ 5%DoD บวกต่อพลังงานต้นน้ำ เช่น PTTEP และกลุ่มโรงกลั่นที่ค่าการกลั่นน่าจะฟื้นตัวในทิศทางเดียวกัน เช่น BCP, TOP, SPRC

     2) ในช่วงนี้เรายังค่อนข้างชอบกลุ่มธนาคารที่นอกจากจะได้ sentiment เชิงบวกจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทั้งไทยและสหรัฐฯ ทรงตัวในระดับสูงแล้ว ยังใกล้เข้าสู่การรายงานผลดำเนินงาน 3Q66 ที่คาดว่าจะออกมาดีอีกด้วย เราชอบ BBL ขณะ KBANK ที่ราคายัง laggard กลุ่ม

     3) ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือน ก.ย.อยู่ที่ 3.36 แสนตำแหน่ง มากกว่าตลาดคาด 1.7 แสนตำแหน่ง และเดือนก่อนหน้าที่ 227 แสนตำแหน่งค่อนข้างมาก แต่ปัจจัยดังกล่าวถูกหักล้างด้วยอัตราการว่างงานที่ออกมาเท่ากับคาด และอัตราการเพิ่มขึ้นของค่าแรงที่ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย

     อย่างไรก็ดีหากสัปดาห์นี้หลุดต่ำกว่า 1,425 โมเมนตัมจะดูแย่ลงอีก

     BBL (TP=194บ.) “ซื้อ” กำไร2Q66 โต +62%YoY และ +12%QoQ โดยหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เติบโตดี ตามอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ขณะคาด 2H66 สินเชื่อจะเติบโตดีกว่า 1H66 ช่วยหนุนให้สินเชื่อทั้งปี ขยายตัว 4-6% ตามเป้าได้ ล่าสุดประกาศปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย หลัง กนง. มีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25%

     PTTEP (TP=182 บ.) “ซื้อ” กำไร 2Q66 โต +9%QoQ, +2%YoY จากค่าใช้จ่ายที่ต่ำคาด ช่วยชดเชยรายได้ที่ลดลงจากปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง คาด 3Q66F เติบโตดีจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น QoQ และราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงได้รับ Sentiment เชิงบวกจากราคาน้ำมันดิบเช้านี้ดีดตัวขึ้นแรง

     SPRC (TP=11 บ.) “ซื้อ” 2Q66 ขาดทุนตามที่ตลาดคาด อย่างไรก็ตาม เราคาดผลประกอบการ 3Q66F จะพลิกกลับมามีกำไรอย่างโดดเด่น จาก Stock Gain ตามราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น และจากค่าการกลั่นเฉลี่ย 3Q66TD ที่ปรับเพิ่มขึ้นจาก 2Q66 เกินเท่าตัว มองเป็นจังหวะซื้อลงทุน