รายย่อยโชว์ป๋าซื้อกว่า 2 พันลบ. ยื้อหุ้นไทยปิดเหนือ 1,500 จุด

ตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายวันนี้(22 มิ.ย.66) อยู่ที่ 1,509.31 จุด ลดลง -12.81 จุด คิดเป็น -0.84% มูลค่าการซื้อขาย 46,825.48 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,525.26 จุด และลดลงต่ำสุด 1,506.09 จุด

หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่
1.CPALL ปิดที่ 62.00 บาท ลดลง -1.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,233.53 ลบ.
2.DIF ปิดที่ 10.80 บาท ลดลง -1.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,970.84 ลบ.
3.GULF ปิดที่ 43.50 บาท ลดลง -1.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,727.03 ลบ.
4.TRUE ปิดที่ 6.00 บาท ลดลง -0.55 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,490.11 ลบ.
5.KBANK ปิดที่ 129.50 บาท ลดลง -0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,225.41 ลบ.

ไม่ไหวบอกไม่ไหว

นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เผชิญแรงกดดันจากปัจจัยเดิมๆ ซึ่งก่อนหน้านี้คาดว่าดอกเบี้ยสหรัฐฯจะจบรอบขาขึ้น แต่ประธานเฟดและคณะกรรมการหลายท่านกลับย้ำอยากให้เฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง เพื่อกดตัวเลขเงินเฟ้อ อยู่ที่ 2% ตามเป้าหมายและความกังวลรีเซสชั่น จีนกระตุ้นเศรษฐกิจน้อยกว่าคาด ขณะที่ 6 โบรกปรับลดคาดการณ์ GDP จีนลง 

ส่วนปัจจัยในประเทศ คือ ประเด็นการเมือง แม้จะคืบหน้าเรื่องเปิดประชุมสภาฯแต่ยังมีความกังวลเลือกนายกฯจะได้ข้อสรุปหรือไม่ เพราะไม่มีระยะเวลากำหนดว่าต้องเลือกนายกให้จบเวลาไหน ส่งผลให้ต่างชาติกังวลว่าจะยืดเยื้อจนเกิดสูญญากาศทางการเมือง อีกทั้งต่างชาติขายสุทธิตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้มากกว่าแสนล้านบาท จากปี 2565 ซื้อสุทธิ 2 แสนล้านบาท 

"ปีที่ผ่านมาหลายคนต่างคาดว่าหวังว่าไทยจะเจิดจรัสเพราะเราเป็นเมืองท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจะเข้ามาเยอะ แต่กลายเป็นว่าตลาดฝั่งอเมริกา ตลาด S&P500 กลายเป็นตลาดกระทิง(Bull Market) แต่ตลาดหุ้นไทยปรับฐาน (Market Correction) แล้วจะกลายเป็นตลาดหมี (Bear Market) หรือไม่ จะร่วงลงแรงหรือไม่ มองว่าอาจจะไม่ได้ถึงขั้นนั้น"

โอกาสหลุด 1500 ? 

ดัชนีตลาดหุ้นไทยต้องยืนเหนือ 1,520 จุดให้ได้ถึงจะเป็นสัญญาณที่ดี แต่ถ้าหลุด 1,500 จุด แสดงว่าตลาดเอาไม่อยู่ จะเล่นกรอบขาลงจริงจัง โดยมองตลาดหุ้นรอบสั้นๆ ช่วงสัปดาห์นี้ ถึง สัปดาห์หน้า มองแนวรับ 1,490 จุด ส่วนกรอบแนวต้าน 1,550-1,555 จุด 

ขณะที่ทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงระยะกลาง 3-6 เดือน กรณียืนเหนือ 1,520 จุดไม่ได้ คาดดัชนีมีโอกาสร่วงลงหนักสุดแถว 1,450 จุด ทั้งนี้มองว่าหุ้นไทยยังไม่ชินข่าวลบ เพราะเวบาที่มีข่าวลบปรับลดลงได้อีก แต่ถ้าชินพอมีข่าวลบมากระทบจะไม่ลดลง ดังนั้นกลยุทธ์คือแบ่งซื้อ แบ่งเล่น 1 ใน 3 ส่วน

อีกทั้งเน้นสะสมหุ้น Defensive Stock เป็นหุ้นที่มีความทนทานในทุกสภาพตลาด ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง หุ้นกลุ่มนี้จะเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานค่อนข้างแข็งแกร่ง ความเสี่ยงต่ำ และมีการจ่ายเงินปันผลค่อนข้างสม่ำเสมอ แต่ก็อาจเป็นหุ้นที่กำไรเติบโตไม่หวือหวา หรืออาจไม่ค่อยมีเรื่องราวการเติบโตที่จะนำมาเป็นจุดขายของหุ้น 

สำหรับหุ้น Defensive Stock พื้นฐานดี มีปันผล แนะนำ หุ้น ADVANC มีจ่ายปันผลครึ่งปี ปันผลดี ยิลด์ 4% ที่สำคัญเป็นเป้าทำวินโดว์เดรสซิ่ง แนวรับ 213-214 บาท แนวต้าน 226 บาท ราคาเป้าหมายปีนี้ 250 บาท

ส่วนเข้าธีมหุ้น Defensive Stock คือ กลุ่มโรงพยาบาล แนะนำ BDMS แนวรับ 28.50-28 บาท แนวต้าน 31 บาท ราคาเป้าหมายปีนี้ 37 บาท