SET ฟื้นตัวถูกจำกัด แม้มี Sentiment บวกหนุน
SET ฟื้นตัวถูกจำกัด แม้ได้ Sentiment บวก ความคืบหน้าร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ และความเห็นเฟดต่อการระงับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 13-14 มิ.ย.นี้ รวมถึงราคาน้ำมันฟื้นตัว กลยุทธ์การลงทุน “Selective Buy” แนะนำ KBANK และ BCP
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET แม้ได้ Sentiment บวก ความคืบหน้าร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ และความเห็นธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อการระงับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 13-14 มิ.ย.นี้ รวมถึงราคาน้ำมันฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม สัญญาณเทคนิคดูเป็นลบ ทำให้มองการฟื้นตัวถูกจำกัดที่แนวต้าน1,535 และ 1,545 จุด ด้านแนวรับอยู่ที่ 1,518 และ 1,510 จุด ตามลำดับ
ทั้งนี้ มอง SET ยังเคลื่อนไหวผันผวนและแกว่งตัวในกรอบ โดยแม้การขยายเพดานหนี้ของสหรัฐจะได้ข้อสรุป ซึ่งเป็นSentiment เชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย และการประชุมนโยบายการเงินของ กนง. มองจะมีโอกาสสูงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 25 bps ตามตลาดคาด
อย่างไรก็ตาม ประเมิน SET จะยังคงมี Upside จำกัด เนื่องจากตลาดยังคงจับตาเสถียรภาพในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของไทย สถานการณ์การระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ในจีน และการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจในยุโรป ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ "Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้นที่ได้รับผลกระทบจำกัดจาก MOU 23 ข้อ ที่ 8 พรรคการเมืองร่วมลงนาม เลือก BBL KTB KBANK HMPRO GLOBAL BCH CHG SPRC STANLY AH ONEE HTC TNP
2. หุ้นที่ INVX Research มีการปรับเพิ่ม Rating และ/หรือ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย เลือก KKP BJC OSP
3. สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง ซึ่งต้องการเก็งกำไรระยะสั้นในประเด็นการเจรจาเพดานหนี้สหรัฐได้ข้อสรุปแนะนำ DELTA PTTEP BCP
ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับหุ้นที่มีความเสี่ยงหรือปัจจัยลบกดดันราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่ม PTT ออกไปก่อน เนื่องจากมีความเสี่ยงหรือความไม่ชัดเจนของโครงสร้างราคาพลังงานจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่
2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบอย่างมีนัย จากนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลใหม่ ได้แก่ กลุ่ม ขนส่งพัสดุ(KEX) กลุ่มอาหาร (CPF ZEN GFPT TU AU CENTEL) กลุ่มอสังหาฯ (LPN PSH SIRI QH AP) และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (HANA KCE)
3) หุ้นที่ราคาขึ้นมาสูงกว่าโควิด-19 และเราแนะนำ Underperform เลือก AAV SAWAD MST NRF
สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ KBANK มองได้ผลบวกจากการลงนาม MOU ของพรรคการเมือง ซึ่งมีแผนให้ SMEs กลับมาเติบโต ขณะที่ปี 2566 คาดกำไรจะเติบโต 8%YoY จากสินเชื่อที่เติบโต 5% NIM ที่ขยายตัว 16 bps รวมถึงcredit cost, non-Nll และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ในระดับทรงตัว
BCP ปี 2566 คาดกำไรสุทธิจะปรับตัวดีขึ้น YoY เนื่องจากผลกระทบจากขาดทุนสินค้าคงเหลือและสัญญาประกันความเสี่ยงจะลดลง อีกทั้งยังมีมุมมองบวกต่อแผนเข้าซื้อกิจการ ESSO เพื่อต่อยอดธุรกิจน้พมัน ซึ่งจะทำให้สามารถขยายธุรกิจได้รวดเร็วยิ่งขึ้น


