ตลาดหุ้นไทยปิดร่วง 12.14 จุด เผชิญแรงขายกลุ่มน้ำมัน-โรงไฟฟ้า

ดัชนีตลาดหุ้นไทย วันนี้ (1 มิ.ย.) ปิดตลาดที่ 1,521.40 จุด ปรับลดลง 12.14 จุด หรือปรับลดลง 0.79% มูลค่าการซื้อขาย 48,244.01 ล้านบาท ระหว่างวันขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 1,536.76 จุด และลงไปต่ำสุดที่ 1,521.31 จุด แบ่งตามประเภทนักลงทุน สถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 561.21 ล้านบาท บัญชี บล. ขายสุทธิ 6.99 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 3,890.96 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 4,459.17 ล้านบาท 

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้รับแรงกดดันจากการอ่อนแรงของเศรษฐกิจจีน หลังวานนี้รายงานดัชนีภาคการผลิตที่เข้าสู่ภาวะหดตัว (ต่ำกว่า 50) และยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ โดยนักวิเคราะห์ประเมินไว้ที่ 49.5 แต่ออกมาที่ 48.8 ซึ่งปัจจัยดังกล่าวกดดันให้ราคาน้ำมันดิบ BRT ปรับตัวลง และส่งผลมายังกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) 

นอกจากนี้ ยังเผชิญแรงกดดันจากกลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF และ GPSC) คาดว่านักลงทุนยังคงกังวลกับนโยบายลดค่าเอฟที และค่าความพร้อมจ่ายที่เป็นนโยบายของทางพรรคก้าวไกล ซึ่งส่งผลเชิงลบต่อผลประกอบการกลุ่มโรงไฟฟ้า 

โดยปัจจัยติดตามคืนนี้ ได้แก่ (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.36 แสนราย (2) การจ้างงานภาคเอกชนจากสถาบัน ADP Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.7 แสนราย 

สำหรับแนวโน้มพรุ่งนี้ (2 มิ.ย.) ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1,515-1,535 จุด 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,247.67 ล้านบาท ปิดที่ 98.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,532.05 ล้านบาท ปิดที่ 63.25 บาท ลดลง 0.50 บาท
MAKRO มูลค่าการซื้อขาย 1,519.65 ล้านบาท ปิดที่ 38.25 บาท ลดลง 2.25 บาท
GULF มูลค่าการซื้อขาย 1,510.37 ล้านบาท ปิดที่ 47.00 บาท ลดลง 1.75 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,248.83 ล้านบาท ปิดที่ 129.00 บาท ลดลง 0.50 บาท