ตลาดหุ้นไทยปิดร่วง 11.80 จุด การเมืองในประเทศกดดัน

ดัชนีตลาดหุ้นไทย วันนี้ (19 พ.ค.) ปิดตลาดที่ 1,514.89 จุด ปรับลดลง 11.80 จุด หรือปรับลดลง 0.77% มูลค่าการซื้อขาย 47,318.45 ล้านบาท ระหว่างวันขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 1,530.47 จุด และลงไปต่ำสุดที่ 1,512.66 จุด แบ่งตามประเภทนักลงทุน สถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 837.20 ล้านบาท บัญชี บล. ขายสุทธิ 313.31 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 1,193.42 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 2,343.93 ล้านบาท 

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับลดลงสวนทางกับภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับขึ้นได้หมด ดังนั้นคาดว่าเป็นประเด็นภายในประเทศที่กดดัน ซึ่งมองไปยังเรื่องของการเมืองภายในประเทศ แม้จะเสร็จสิ้นการเลือกตั้งไปแล้ว แต่สิ่งที่นักลงทุนกำลังกังวล ได้แก่ (1) ความเสี่ยงของการจัดตั้งรัฐบาล แม้พรรคก้าวไกลปัจจุบันจะมีเสียงอยู่ราว 313 เสียง แต่ก็ยังไม่เพียงพอจะจัดตั้งรัฐบาลขั้นต่ำต้องใช้ 376 จึงขาดเสียงอีกกว่า 63 เสียง 

(2) การบริหารภายใต้พรรคก้าวไกล นโยบายจะไม่เน้นที่บริษัทจดทะเบียน แต่จะเน้นสนับสนุนฐานล่าง ซึ่งเป็นไปได้ที่บริษัทจดทะเบียนอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันหรือความสามารถในการทำกำไร 

โดยปัจจัยติดตามคืนนี้ ได้แก่ การแถลงของประธาน FED เชื่อว่าตลาดจะจับตารอดูการแถลงเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยและความเห็นเกี่ยวกับเงินเฟ้อ 

สำหรับแนวโน้มวันจันทร์ (22 พ.ค.) ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1,510-1,530 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,119.97 ล้านบาท ปิดที่ 70.25 บาท ลดลง 1.25 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,964.37 ล้านบาท ปิดที่ 61.75 บาท ลดลง 0.75 บาท
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,649.70 ล้านบาท ปิดที่ 89.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,600.09 ล้านบาท ปิดที่ 28.00 บาท ลดลง 0.75 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,380.77 ล้านบาท ปิดที่ 132.50 บาท ลดลง 1.50 บาท