SET แกว่งในกรอบ 1,520-1,540 จุด ไปจนถึงปรับลงได้ต่อ
SET สัปดาห์นี้ เปิดชื้อขายแค่ 2 วันทำการ โดยตลาดยังดูขาดปัจจัยหนุน และรอประชุมเฟดวันที่ 2-3 พ.ค. คาดดัชนีแกว่งในกรอบระหว่าง 1,520-1,540 จุด ไปจนถึงปรับตัวลงได้ต่อ กลยุทธ์การลงทุน “Selective Buy” แนะนำ BDMS และ OR
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET ในสัปดาห์นี้ เปิดชื้อขายแค่ 2 วันทำการ ขณะที่ตลาดยังดูขาดปัจจัยหนุน และรอประชุมเฟดวันที่ 2-3 พ.ค. ทำให้คาดดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,520-1,540 จุด ไปจนถึงปรับตัวลงได้ต่อ โดยเฉพาะหากต่ำกว่าจุดต่ำเดิมบริเวณ 1,520 จุด จะเป็นสัญญาณลบต่อ และมีแนวรับถัดไป 1,509 จุด
ทั้งนี้ ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ หลังมองตลาดยังรอดูผลประกอบการไตรมาส 1/2566 ของกลุ่ม Real Sector ที่กำลังทยอยประกาศในเดือน พ.ค. นี้ อีกทั้งมองนักลงทุนอยู่ระหว่างรอดูการส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยหลังจากการประชุมนโยบาย ฝการเงินของ FED (2-3 พ.ค.), ECB (4 พ.ค.) และ BoE (11 พ.ค.)
โดยหาก FED มีการส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ มองตลาดจะ Risk off จากกังวลเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงมากขึ้น กลยุทธ์แนะนำให้ถือเงินสดมากขึ้น ขณะที่หาก FED มีการส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ย มองตลาดรับรู้เศรษฐกิจถดถอยแต่ไม่รุนแรงเกินที่คาดไว้ กลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Best of the best ซึ่งมีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีกำไรในปี 2566-2567 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากพไรของกลุ่มหุ้น เราแนะนำ Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายด้วย PER และ PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่บริเวณ -1.0 ถึง-2.0 S.D. จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม เลือก AU BBL BDMS CPALL GULF สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้ว แนะนำLet Profit Run
2. หาจังหวะชื้อสำหรับหุ้นที่คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 จะออกมาเติบโตดี YoY (Earnings Play) ซึ่งมองยัง outperform SET ได้ เลือก BJC ADVANC OSP ZEN
3.รอจังหวะชี้อหลังประกาศงบสพหรับหุ้นที่คาดผลการดำเนินงานไตีมาส 1/2566 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้และมีสัญญาณฟื้นตัวในไตรมาส 2/2566 เลือก KCE MINT AOT
ขณะที่มีกลุ่มหุ้นแนะนำ "ขายหรือหลีกเลี่ยงการลงทุนไปก่อน” เนื่องจากผลการดำเนินงานยังไม่สดใส และมีความเสี่ยงที่ต้องติดตาม ได้แก่ NRF LPN MST SAWAD QH KTC PSH THRE TCAP MTC KEX KISS TU CBG GFPT BTG BTS BEM JASIF SAT IIG NER
สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ BDMS ไตรมาส 1/2566 คาดกำไรปกติ 3.4 พันล้านบาท ลดลง 1%YoY แต่เพิ่มขึ้น9%QoQ จากรายได้บริการผู้ป่วยชาวต่างชาติที่แข็งแกร่งขึ้น ขณะที่พัฒนาการในตลาดต่างประเทศใหม่ๆ คาดจะช่วยสนับสนุนให้กำไรเติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2566 คาดกำไรเติบโต 12%YoY สู่ 1.4 หมื่นล้านบาท
OR ไตรมาส 1/2566 คาดผลการดำเนินงานจะพลิกกลับมามีกำไรและฟื้นตัวแรง QoQ โดยมีแรงหนุนจากค่าการตลาดฟื้นตัว กิจกรรมทางเศรษฐกิจและ การเดินทางกลับมาดีขึ้น รวมทั้งยังจะรับรู้ผลขาดทุนสต็อกที่ลดลงจากไตรมาส4/2565