posttoday

แสนสิริเปิดแผนธุรกิจ ปั้นโครงการใหม่มูลค่า 7.5 หมื่นล้าน

30 มกราคม 2566

แสนสิริเปิดแผนธุรกิจ ปี 2566 ปั้น 52 โครงการใหม่รวมมูลค่ากว่า 7.5 หมื่นล้าน มุ่งทุบสถิติยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ ที่ 5.5 หมื่นล้าน เช่นเดียวกับคว้ารายได้รวม 4 หมื่นล้านบาท หวังเก็บกำไรสุทธิระดับ ALL-Time High

นายเศรษฐา  ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. แสนสิริ เปิดเผยว่า ปี 2565 นับได้ว่าเป็นปีแรกที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยอย่างชัดเจน ภายหลังจากที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ปัจจัยสำคัญมาจากการได้รับวัคซีน ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินได้อย่างเต็มที่ รวมถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยว

 

อย่างไรก็ดีการฟื้นตัวกลับมายังคงไม่เต็มที่ ทำให้มีทั้งโอกาสทางธุรกิจและปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าติดตามและเตรียมรับมือในอีกหลากหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ที่จะมีผลกระทบต่อประเทศไทย แนวโน้มราคาพลังงานและราคาโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นกดดันให้ต้นทุนและอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

 

ทั้งนี้ แม้ปีที่ผ่านมาจะเป็นปีที่มีความท้าทายของการดำเนินธุรกิจภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน แต่ บมจ.แสนสิริ ก็สามารถเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งและประสบความสำเร็จ ด้วยยอดขายรวมถึง 50,000 ล้านบาท โตขึ้นเกือบ 50% จากปีที่ผ่านมา และยอดโอน 36,800 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา

 

สำหรับปีนี้ บมจ. แสนสิริยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจและเดินหน้าเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความยั่งยืนในอนาคต

 

นั่นคือในปีนี้ บริษัทวางแผนเปิดตัว 52 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 75,000 ล้านบาท ซึ่งจะนับเป็นการทุบสถิติเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 30 โครงการ และคอนโดมิเนียม 22 โครงการ

 

โดยตั้งเป้าหมายยอดขายในปี 2566 ไว้ที่ 55,000 ล้านบาท เป้าหมายรายได้รวม 40,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมถึงเป้าหมายกำไรสุทธิที่จะทุบสถิติ ALL-Time High พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

 

ด้านนายอุทัย  อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ เปิดเผยว่า ในปีนี้ บมจ.แสนสิริจะเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยกลยุทธ์สำคัญ ภายใต้ 3 กุญแจสำคัญขับเคลื่อนองค์กร ได้แก่ รุกขยายธุรกิจเต็มสูบ สนับสนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม

 

สำหรับโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนีนั้น นับว่ามูลค่ารวมสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเติบโตขึ้นจากปีก่อน 74% และโตขึ้นจากช่วงเกิดโควิดถึง 1,000% หรือ 10 เท่าตัว ซึ่งครอบคลุมทุกโปรดักส์ ทั้งคอนโดมิเนียม - บ้านเดี่ยว – บ้านแฝด – ทาวน์โฮม ทุกเซกเมนต์ระดับราคารองรับทุกความต้องการ และครอบคลุมในทุกทำเล เจาะกลุ่ม real demand โดยเฉพาะแนวราบ วางแผนเปิดตัว 30 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 50,700 ล้านบาท

 

สำหรับโครงการแนวราบที่เป็นไฮไลท์ในปีนี้ ได้แก่ การเปิดตัว “นาราสิริ พหล – วัชรพล” มูลค่าโครงการ 5,300 ล้านบาท เพื่อต่อยอดความสำเร็จ จากปีที่ผ่านมา จากการ Sold out ปิดการขาย นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา ในเวลาเพียง 1 เดือน

 

นอกจากนี้ แสนสิริยังมีแผนต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ “บูก้าน” โดยจะเปิดตัว “บูก้าน” เอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนท์ รวม 3 โครงการ บน 3 ทำเลไพร์มใหม่ ได้แก่ ทำเลกรุงเทพกรีฑา, พัฒนาการ และ พระราม 9 – เหมงจ๋าย มูลค่ารวม 3,600 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวโครงการแรก “บูก้าน กรุงเทพกรีฑา” จ่อคิวเปิดขายวันที่ 25 – 26 กุมภาพันธ์นี้

 

รวมถึงตอกย้ำความสำเร็จของบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรีแบรนด์ “เศรษฐสิริ” ที่ในปีนี้ จะมีความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของแบรนด์บ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี ระดับราคา 12 – 25 ล้านบาท ที่เจาะกลุ่ม Target อายุน้อยลง ประสบความสำเร็จเร็ว 

 

ด้วยการเปิดตัว New Design Series ภายใต้แนวคิด Portrait of Success กับ 4 ดีไซน์ใหม่ เปิดตัวด้วยโครงการแรก “เศรษฐสิริ ดอนเมือง” ในโฉมใหม่ ดีไซน์ใหม่ล่าสุดของแบรนด์เศรษฐสิริ สไตล์ “Georgian” จอร์เจียน ในทำเลดอนเมือง เพียง 2 นาที จากรถไฟฟ้าสายสีแดงสถานีดอนเมือง และ 5 นาทีจากสนามบินดอนเมือง ซึ่งเตรียมเปิดขายในเดือนพฤษภาคมนี้

 

พร้อมรุกต่อแบรนด์ "สราญสิริ" บ้านเดี่ยวหลังแรกของครอบครัว ดีไซน์ใหม่ซีรีส์  Modern Farmhouse ซึ่งปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีมากจากกลุ่มลูกค้า โดยในปีนี้แสนสิริมีแผนรุกแบรนด์บ้านเดี่ยว สราญสิริ ที่จะเปิดตัวรวม 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวมเกือบ 10,000 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวมิกซ์โปรดักส์ บ้านและทาวน์โฮมในโครงการเดียว แบรนด์อณาสิริรวม 9 โครงการใหม่ กับ 2 ดีไซน์ ที่ได้รับการตอบรับที่ดี Japanese และ Mediterranean 

 

ในปีนี้ยังเปิดตัว 9 แบรนด์ใหม่ที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ เพื่อขยายในแต่ละกลุ่มลูกค้าให้แข็งแกร่งและครอบคลุมทุกความต้องการและระดับราคามากยิ่งขึ้น ตั้งแต่ Sansiri Luxury Collection ที่จะขยายพอร์ตลักซ์ชัวรี เซกเมนต์ของแสนสิริให้โตขึ้นแบบก้าวกระโดด ได้แก่ No.19 (นัมเบอร์ นายทีน) เช่นเดียวกับ Sirinsiri (สิริณสิริ) แบรนด์ใหม่ในระดับพรีเมียม เซกเมนต์ ได้แก่ Narinsiri (ณริณสิริ) และ Ombré (ออมเบร)

 

รวมทั้งแบรนด์คอนโดมิเนียมใหม่ ได้แก่ HUB (ฮับ) และ Cabanas (กาบานาส) ทำเลหัวหิน ที่จะเริ่มทยอยเปิดตัวแบรนด์ใหม่ต่างๆ ในปีนี้ เพื่อตอกย้ำ Forward Thinking Brand และความเป็น First Mover ของแสนสิริ  
 

นอกจากนี้ยังเปิดตัวคอนโดมิเนียม อีก 22 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 24,300 ล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อนถึง 151% โดยคอนโดมิเนียม ที่เป็นไฮไลท์ในปีนี้ ได้แก่ การเปิดตัว New Luxury Condominium ในสุดยอดทำเลศักยภาพ อาทิ ทำเลใจกลางเมืองอย่าง “อารีย์”  และ “ราชเทวี”

 

อีกทั้งการเปิดตัวคอนโดมิเนียม แบรนด์ใหม่ที่เป็น One of a kind Project หรือแบรนด์ใหม่ที่มีความโดดเด่นบนโลเคชั่นเดียว อาทิ  Cabanas Huahin และ อีก 2 แบรนด์คอนโดมิเนียมไลฟ์สไตล์ในย่านสุขุมวิท ประเดิมต้นปีด้วยการรุกตลาดคอนโดฯ ในไตรมาสแรก ด้วยการรีเฟรชแบรนด์ “ดีคอนโด” ซึ่งเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของแสนสิริในกลุ่มคอนโดฯ

 

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ บมจ. แสนสิริ ยังปรับภาพแบรนด์ใหม่ให้มีความทันสมัยมากขึ้น ในคอนเซ็ปท์ “Stay Well-Rounded คอนโดที่คิดเพื่อชีวิตดีรอบด้าน” นำเสนอคอนโดแนวคิดใหม่ ใส่ใจความเป็นอยู่ที่ดีในชีวิตทุกด้าน

 

โดยมุ่งเน้นในเรื่องของ Well-Being สร้างพื้นที่ Safe Zone ทั้งกายและใจ กับ “ดีคอนโด” ซีรี่ส์ใหม่ 5 โครงการ 5 ทำเลศักยภาพ ทั่วประเทศตลอดปีนี้ รวมมูลค่าโครงการกว่า 5,000 ล้านบาท นำทัพด้วยการส่ง 2 โครงการแรก ‘หาดใหญ่-ภูเก็ต’ รับเรียลดีมานด์ และตลาดท่องเที่ยวฟื้น