posttoday

ธปท. ฟันธง กรณีบมจ. ออลล์ฯ ผิดนัดจ่ายหนี้หุ้นกู้ ไม่ได้มาจากดอกเบี้ยขาขึ้น

05 มกราคม 2566

กรณี บมจ. ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ ALL ไม่ชำระหนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้รุ่น ALL244A ที่ครบกำหนดกว่า 10 ล้านบาท เพราะขาดสภาพคล่องนั้น ล่าสุด แบงก์ชาติ ฟันธงต้นเหตุไม่เกี่ยวดอกเบี้ยปรับขึ้น แต่เป็นปัญหาของตัวบริษัทเอง

นับจากที่ บมจ. ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ ALL แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ไม่สามารถชำระหนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้รุ่น ALL244A ที่ครบกำหนดชำระดอกเบี้ยงวดที่ 5 ในวันที่ 3 ม.ค.2566 จำนวน 10.65 ล้านบาท จึงเป็นเหตุให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้(ดีฟอลท์) ขึ้นมาทันที 

 

โดยหุ้นกู้ ALL244A มีมูลค่ารวมทั้งหมด 709.90 ล้านบาท ออกเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2564  ครบกำหนดไถ่ถอน 1 เม.ย.2567  ซึ่งผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำหรับสาเหตุของการผิดนัดชำระดอกเบี้ยนั้น เนื่องจากบริษัทขาดสภาพคล่อง กระแสเงินสดหมุนเวียนไม่เพียงพอ  

 

จากกรณีดังกล่าว นางสาวพิมพ์พันธ์ เจริญขวัญ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ผ่านมา เป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงไม่ได้ส่งผลให้ภาระดอกเบี้ยของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นมากนัก

 

โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ออกหุ้นกู้ เนื่องจากหุ้นกู้ส่วนใหญ่จะมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ไว้ล่วงหน้า ไม่ใช่ดอกเบี้ยลอยตัว ดังนั้นการผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ในครั้งนี้ จึงน่าจะเป็นผลจากปัญหาสภาพคล่องภายในบริษัทเอง ซึ่งไม่ได้กระทบเป็นวงกว้าง จึงย้ำว่าโดยรวมไม่น่าจะเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น เพราะดอกเบี้ยมีการกำหนดจ่ายไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว 

 

ด้านนายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) กล่าวว่า การผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้บางบริษัท ไม่น่ากระทบต่อภาพรวมของตลาดหุ้นกู้เป็นวงกว้าง เพราะน่าจะมาจากปัญหารายบริษัทนั้น ๆ ซึ่งไม่เกี่ยวกับต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ของ ALL ครั้งนี้ นับเป็นกรณีที่น่าศึกษา โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ยังมีความเสี่ยงฟื้นตัวช้า โดยเฉพาะผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่มีทำเลอยู่นอกเมือง และเน้นเจาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ที่น่าจะฟื้นตัวช้ากว่ากลุ่มที่เน้นลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลาง-บน ซึ่งได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวเศรษฐกิจแล้ว จึงอาจต้องรอถึงครึ่งปีหลัง ถึงจะเริ่มเห็นเม็ดเงินกระจายตัวสู่ภาคธุรกิจ เอสเอ็มอีต่าง ๆ อีกทั้งผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้น มีผลกระทบกับกลุ่มเปราะบาง มากกว่ากลุ่มอื่น ๆ