TCAP ปี 67 กำไรโต 0.7% รับแรงหนุนบริษัทร่วม ปันผลเพิ่มเป็น 3.30 บาท

นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ TCAP กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจไทยปี 2567 จะเติบโตต่ำกว่าคาดและไม่ทั่วถึง แต่กลุ่มธนชาตยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ ส่งผลให้บริษัทยังคงรักษาการเติบโตได้ โดยได้รับแรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้นถึง 19% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับลดลงจากปริมาณสินเชื่อเช่าซื้อของราชธานีลิสซิ่ง (THANI) ที่ลดลง เนื่องจากนโยบายปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น และภาวะชะลอตัวของตลาดรถบรรทุก

 สำหรับแนวโน้มปี 2568 TCAP คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะยังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายในและภายนอก เช่น นโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลัก การชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทย่อยและบริษัทร่วม

อย่างไรก็ตาม บริษัทจะยังคงเน้นความมั่นคงทางธุรกิจ เติบโตอย่างระมัดระวัง และแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ

ด้วยผลการดำเนินงานที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง TCAP จึงประกาศจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นเป็นหุ้นละ 3.30 บาท แบ่งเป็นเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 1.25 บาท (เพิ่มจาก 1.20 บาทในปีก่อน) และเสนอให้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังหุ้นละ 2.05 บาท ซึ่งสะท้อนความมั่นคงของผลประกอบการและทิศทางธุรกิจที่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อไป

ถึงแม้ว่าในปี 2567 บริษัทฯและบริษัทย่อยจะมีผลการดำเนินงานเติบโตขึ้นเล็กน้อย แต่ผลการดำเนินงานในอนาคตยังมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น คณะกรรมการบริษัทฯ จึงได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่จ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 1.20 บาท

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังได้มีมติให้เสนอต่อผู้ถือหุ้นเพื่อจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 2.05 บาท ซึ่งเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลแล้ว จะเป็นเงินปันผลที่จ่ายสำหรับผลการดำเนินงานปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 3.30 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่จ่ายในอัตราหุ้นละ 3.20 บาท