logo-pwa

เพิ่ม Post Today

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด
posttoday

ดร. อมรเทพ ตีโจทย์หลังวิกฤติเครดิต​ สวิส... จับตาใครคือโดมิโนตัวต่อไป?

16 มีนาคม 2566

ด้วยวิกฤติตลาดเงินทั้งในสหรัฐฯและยุโรปที่เกิดขึ้น ล่าสุดเขย่าหุ้นธนาคารเครดิต สวิส ร่วงหนัก ดร. อมรเทพ​ จาวะลา จากธนาคาร​ซีไอเอ็มบี ​จึงออกมาตีโจทย์และให้จับตาว่าแบงก์ใหนจะเป็นโดมิโนตัวต่อไปที่จะล้มลง

ตลาดทุนจับจ้องมาที่ธนาคารเครดิต​ สวิส (Credit​Suisse) หลังราคาหุ้นร่วงหนัก​คนพร้อมแห่ถอนเงิน​ นักลงทุนในตราสารหนี้ห่วงธนาคารจะผิดนัดชำระหนี้​ ค่าประกันความเสี่ยง​หรือ​ Credit​ Default Swap พุ่งขึ้นสูง ​เกิดอะไรขึ้น? 

ตัวแปรสำคัญคือข่าวผู้ถือหุ้นรายใหญ่อย่าง​ Saudi​National​ Bank ออกมาบอกว่าจะไม่ถือหุ้นเครดิต​สวิสมากไปกว่านี้ หรือไม่เกิน​10% เพราะไม่อยากทำตามกฎระเบียบ​ของยุโรป​ แต่นักลงทุนน่าจะคิดว่ามีอะไรผิดคาด​คนขาดความไว้ใจ จึงเกิดภาวะแตกตื่นอย่างที่เห็น 

จริง ๆ​ แล้วเครดิต​ สวิสเป็นธนาคารที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน​ โดยเฉพาะในธุรกรรมด้านการบริหาร​ความมั่งคั่งให้ลูกค้า​ แต่ที่ผ่านมาก็พบว่ามีข่าวในด้านลบหลายครั้ง​ทั้งข่าวลือ​ทำผิดกฎระเบียบ​ ถูกปรับฟ้องร้อง​ และการเปลี่ยนผู้บริหารบ่อย​

จึงมีผลให้ฐานะทางการเงิน​ของธนาคารอ่อนแอลง​ แต่ธนาคารต้องหาทุนมาเพิ่มเพื่อรักษาระดับกองทุนของผู้ถือหุ้น​ เพราะธนาคารนี้จะได้รับการจัดประเภทเป็น​Systemically Important Financial Institution (SIFI) พูดง่าย ๆ​ คือหากล้มจะลามไปกระทบเศรษฐกิจ​มาก​ จึงต้องดูแลฐานะการเงินเป็นพิเศษ ​(เรียกว่าต้องมีทุนมากกว่าแบงก์อื่น)​

แล้วรัฐจะอุ้มไหม... ธนาคารนี้ใหญ่เกินกว่าจะปล่อยให้ล้มได้ ล่าสุดธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์​มาอัดฉีดเงินเพิ่มสภาพคล่องให้เครดิต​ สวิส​ แต่จะอุ้มด้วยเงินภาษีประชาชนคงไม่ได้นาน ​น่าจะเป็นการอุ้มคนฝากเงิน​หรือประคองด้านความเชื่อมั่น​ ไม่ให้ราคาร่วงไปกว่านี้

แต่น่าหาใครมาลงขันซื้อหุ้นไปในราคาถูก ​เรียกว่าเป็นตัวแทนขายดีกว่ารัฐซื้อเอง​ สินทรัพย์​ยังมีคุณภาพดี​ โอกาสเติบโตในธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง​ก็ดี​เพียงแต่อาจเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้น​ ผู้บริหาร​ และที่สำคัญ​ให้ราคาที่น่าสนใจ​แต่ทำตอนนี้​ ในภาวะตลาดแบบนี้คงไม่ง่าย​ ที่เป็นไปได้มากที่สุดคือตัดส่วน​ Investment​ Banking​ ขาย​เอาเงินไปรักษาระดับทุน 

กลไกรัฐบาลเหมือนสหรัฐไหม... ตอบว่าไม่​ เพราะเครดิต​ สวิสไม่ใช่​ SVB​ และยุโรปไม่ใช่สหรัฐ​ ปัญหาเกิดแน่หากล้ม​ เพราะลำพังสวิตเซอร์แลนด์​คงไม่อาจอุ้มได้​และอาจกระทบความเชื่อมั่น​ของประเทศ​ อย่าลืมว่าสวิตเซอร์แลนด์​ไม่อยู่ในยูโรโซน มีเงินตัวเอง​แต่ก็เสี่ยงผันผวน​ จะออกเงินมหาศาลมาค้ำก็ยาก​ และแบงก์นี้กระจายทั่วโลก​ จะคุ้มครองอย่างไร 

จะลามไหม... ลาม​เพราะใหญ่กว่า​ SVB​ และไม่กระจุกตัวในเทค​ หรือผลจากดอกเบี้ย​ขาขึ้น​ แต่นักลงทุนจะหาโดมิโนตัวต่อไป​และมีหลายแบงก์ขนาดใหญ่ในยุโรปที่ไม่แข็งแกร่งหรือมีปัญหาขาดทุนมาก่อนหน้าแล้ว​ ช่วงนี้เหมือนการล่าแม่มด​มองหาว่าใครคือแบงก์ที่จะล้มรายต่อไป 

แก้ปัญหาคราวนี้ไม่ง่าย​ และต้องรีบให้จบโดยเร็ว​เพราะหากยืดเยื้อ​ แบงก์ในยุโรปจะมีปัญหา​เรื่อง​ความเชื่อมั่น​ นึกถึงเยอรมนี​ที่หากวันหนึ่งต้องเข้ามาอุ้มธนาคารในยุโรปด้วยการอัดฉีดสภาพคล่อง​แต่อีกมือก็ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ​เพื่อปรามเงินเฟ้อ​สุดท้าย​ ต้องทั้งเหยียบเบรกและคันเร่งพร้อมกัน​เศรษฐกิจ​ยุโรปอาจหมุนแหว่งตกทางได้​

นี่ยังไม่พูดถึงปัญหาหนี้สาธารณะ​อย่างอิตาลี​หรือกรีซ​ แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยจะหมุนไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจ​เองและลามไปทั่วโลก​ ผมมองว่าในที่สุดสวิตเซอร์แลนด์​และยุโรป น่าหาทางอัดฉีดเงิน​ตั้งกองทุนขึ้นมาพยุงแบงก์ทั้งหลายไม่ให้ล้ม ​เพราะนี่คือฉนวนวิกฤติความเชื่อมั่นของภาคการเงินทั่วโลก​และท้ายสุด​ ธนาคารกลางยุโรป​ หรือ​ ECB​ อาจต้องพิจารณาว่าจะขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องได้แค่ไหน​แม้เงินเฟ้อยังสูง

โดย ดร.อมรเทพ​ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหาร​สำนัก​วิจัย​และที่ปรึกษา​การลงทุน​ ธนาคาร​ซีไอเอ็มบี ​ไทย​