ทีแอนด์บีฯ ดันธุรกิจบันเทิงเข้าสู่โลกเสมือน ‘Metaverse’
บริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวโครงการใหญ่ศูนย์รวมแห่งเมตาเวิร์ส ทรานส์ลูเซีย ผสมผสานเทคโนโลยีล้ำหน้าของโลกอย่าง Web3 เพื่อรองรับเมตาเวิร์สจำนวนมหาศาลให้เชื่อมต่อถึงกันทั้งหมด พร้อมนำธุรกิจบันเทิง เข้าสู่ธุรกิจโลกเสมือนอย่างเต็มตัว
บริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตซีรีส์แอนิเมชั่นและคอนเทนต์เพื่อความบันเทิงชั้นนำของประเทศไทย จัดงาน “The Universe of Happiness” เปิดตัวโครงการใหญ่ศูนย์รวมแห่งเมตาเวิร์ส ทรานส์ลูเซีย (Translucia) ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Infinite Universe of Interconnected Metaverses” ซึ่งเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีล้ำหน้าของโลกอย่าง Web3 มาใช้เพื่อพัฒนา
ดร.ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์ ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ทรานส์ลูเซีย กำลังถูกพัฒนาให้เป็นแพลตฟอร์มที่ไร้รอยต่อและเชื่อมถึงกันได้ระหว่างโลกเสมือนและโลกจริง ซึ่งจะปลอดภัยสำหรับการสร้างโอกาสในการทำธุรกิจที่ไม่มีที่สิ้นสุดบนโลกอินเทอร์เน็ต”
การพัฒนาทรานส์ลูเซียจะเป็นก้าวที่สำคัญสำหรับโปรเจ็กต์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ของทีแอนด์บี ซึ่งจะช่วยขยายมูลค่าตลอดชีพของ IP ของทีแอนด์บี ในขณะที่เป็นการสร้างแพลตฟอร์มซึ่งผู้ใช้งานสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับเรื่องราวที่พวกเขาชื่นชอบได้
สถานที่นี้จะเป็นที่ๆ ปลอดภัยสำหรับทุกคน รวมถึงจะเป็นสถานที่ที่จะสร้างโอกาสที่ไม่สิ้นสุดให้กับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นสังคม องค์กรต่าง ๆ ภาคธุรกิจ
ขณะที่ นายภาคภูมิ ตันตนันตา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจและการลงทุนของทีแอนด์บี จะมุ่งไปที่สามธุรกิจหลัก ได้แก่ การลงทุนในคอนเทนต์ (ซีรีส์แอนิเมชั่นและภาพยนตร์) ซึ่งเป็นธุรกิจเดิมตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง การลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อทำให้การเข้าถึงคอนเทนต์ของผู้ชมมีประสิทธิภาพและได้รับประสบการณ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น และสุดท้าย คือ การลงทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนา ทรานส์ลูเซีย เมตาเวิร์ส
“การเข้ามาสู่โลกเทคโนโลยีและลงทุนครั้งใหญ่สร้างศูนย์รวมแห่งเมตาเวิร์สนี้ เป็นอีกวิวัฒนาการครั้งสำคัญของ ที แอนด์บี ที่ผ่านมา เรามองว่า Digital interruption หรือโลกของดิจิทัล เป็นความท้าทายที่สำคัญของธุรกิจบันเทิง ธุรกิจพัฒนาคอนเทนต์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราพบว่าเรามีโอกาสที่จะสร้างรายได้ให้กับธุรกิจของเราได้อีกหลายทาง ทั้งจากการปั้นศิลปินอย่าง Last Idol, การสร้างระบบ AI ที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างภาพยนตร์ รวมทั้งนำกลยุทธ์ทางการตลาดด้วยระบบ Cinelytic มาใช้” นายภาคภูมิ กล่าวเสริม
ส่วน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ ทรานส์ลูเซีย นายพันธบัตร สันติมากร เสริมว่า จากการใช้แนวคิดเชิงปรัชญาที่ต้องการให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตในสังคมที่ดี มีความสุข และมีความมั่งคั่งนั้นเป็นแนวคิดหลักในการพัฒนา ทำให้ทรานส์ลูเซีย ถูกพัฒนาขึ้นให้เน้นการส่งมอบคุณค่าหลัก 3 ประการแก่ผู้ใช้ ได้แก่
1.เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างสรรค์ผลงาน หรือสร้างธุรกิจเพื่อรองรับเทรนด์ต่าง ๆ ในอนาคต รวมถึงการสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ที่ให้เกิดการพัฒนาตนเอง พัฒนาสังคม และตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม
เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับลูกหลาน ผู้คนในเจนเนอเรชั่นต่อไปที่จะเข้ามาเรียนรู้ในจักรวาลแห่งใหม่นี้
2. ให้ความปลอดภัยและรองรับประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อด้วยได้แก่ Artificial Intelligent หรือ AI พร้อมทั้งสร้างระบบ ecosystem ที่ใช้บล็อกเชนเทคโนโลยีแบบ Ethereum Layer 2 ที่มีชื่อว่า Lightlink เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมานี้จะช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับระบบด้วยต้นทุนที่ต่ำ ทำให้เรื่องของความปลอดภัยในด้านข้อมูลของ user และการรองรับด้านความปลอดภัยในการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบใหม่ ๆ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมในโลก Web 3 ได้อย่างสมบูรณ์
3. เชื่อมประสบการณ์ของทั้งโลกจริง และโลกเสมือนได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถขยายการสร้างแบรนด์และการเข้าถึงการสร้างรายได้ทั้งสองโลก ด้วยการวางแผนในการสร้างโลกด้วยเทคโนโลยี Digital Twin ร่วมกับโลกแห่งจินตนาการที่จะสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับสินทรัพย์ดิจิทัลที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองโลกได้อย่างไร้รอยต่อ