posttoday

SCB EIC ชี้ ส่งออกไทยหดตัว 4 เดือนติด แต่จีนเปิดประเทศยังเป็นแรงส่ง

03 มีนาคม 2566

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC วิเคราะห์ส่งออกไทยหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ซึ่งระยะต่อไปแม้ยังน่าห่วง แม้ยังพอมีแรงหนุนจากจีนเปิดประเทศช่วยพยุง

จากบทวิเคราะห์ของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC ระบุว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในเดือนมกราคม ปี 2023 อยู่ที่ 20,249.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐหดตัว -4.5%YOY นับเป็นการหดตัว 4 เดือนติดต่อกัน แม้การส่งออกในเดือนนี้หดตัวน้อยลงจาก -14.6%YOY ในเดือนธันวาคม 2022 แต่ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยฐานต่ำ

 

ทั้งนี้ หากเทียบกับเดือนก่อนหน้าแบบปรับฤดูกาลพบว่า ตัวเลขการส่งออกเดือนมกราคมหดตัว -3.0%MOM_sa แต่หากพิจารณามูลค่าการส่งออกหักทองคำ (ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่ได้สะท้อนการค้าระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นจริง) พบว่าหดตัว -4.4%YOY ลดลงจาก -13.9%YOY ในเดือนธันวาคม

 

สินค้าส่งออกหลักทุกกลุ่มหดตัวน้อยลง โดยสินค้าแร่และเชื้อเพลิงกลับมาขยายตัวในรอบ 6 เดือน

การส่งออกรายกลุ่มสินค้าในเดือนมกราคมหดตัวชะลอลงทุกกลุ่ม โดย (1) สินค้าเกษตรหดตัว -2.2% YOY น้อยกว่า -11.5% ในเดือนธันวาคม ขณะที่การส่งออกยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และไก่แปรรูปยังหดตัวต่อเนื่อง ส่วนการส่งออกข้าวกลับมาขยายตัวสูงถึง 72.3% จากปัจจัยฐานต่ำและผลจากนโยบายควบคุมการส่งออกข้าวของอินเดียที่ทำให้ราคาข้าวโลกและความต้องการนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ไก่สดแช่เย็นแช่แข็งขยายตัวต่อเนื่องได้เป็นเดือนที่ 8

 

(2) สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรหดตัว -3.3% น้อยกว่า -10.7% ในเดือนธันวาคม แม้การส่งออกผลไม้กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และน้ำตาลทรายยังหดตัว แต่การส่งออกไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ขยายตัวสูงขึ้นมากถึง 124%

 

(3) สินค้าอุตสาหกรรมหดตัว -5.4% น้อยกว่า -15.7% ในเดือนธันวาคม โดยเฉพาะเม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ยาง ขณะที่การส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบยังขยายตัวได้ หลังจากอุปทานชิปทยอยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สามารถผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกได้มากขึ้นในส่วนของ

 

(4) สินค้าแร่และเชื้อเพลิงกลับมาขยายตัว 6.8% จากที่เคยหดตัว -4.8% ในเดือนก่อน โดยการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปกลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 6 เดือน

 

ตลาดส่วนใหญ่หดตัวน้อยลง ตลาดตะวันออกกลางขยายตัวดี และตลาด ASEAN 5 กลับมาขยายตัวได้

 

ภาพรวมตลาดส่งออกของไทยในเดือนมกราคมส่วนใหญ่หดตัวน้อยลง บางตลาดสำคัญเริ่มกลับมาขยายตัว สะท้อนอุปสงค์โลกที่เริ่มเห็นสัญญาณปรับดีขึ้นบ้างแม้จะยังอยู่ในทิศทางชะลอตัว นำโดย

 

(1) ตลาดจีนหดตัว -11.4% น้อยลงจาก -20.8% ในเดือนก่อน (2) ตลาดสหรัฐฯ หดตัว  -4.7% เทียบกับ -3.9% ในเดือนก่อน สอดคล้องกับสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มชะลอลงในปีนี้ (3) ตลาดยุโรป (EU28) พลิกกลับมาขยายตัวได้ 2.7% หลังจากหดตัว -0.9% ในเดือนก่อน ตามทิศทางเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยน้อยลง (4) ตลาด CLMV หดตัว -11.1% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 หลังจากขยายตัวต่อเนื่องนาน 14 เดือน เทียบกับ -11.8% ในเดือนก่อน

 

ขณะที่ตลาด ASEAN 5 พลิกกลับมาขยายตัว 2.3% หลังจากหดตัวรุนแรง 3 เดือนติดต่อกัน ขณะที่ตลาดตะวันออกกลางขยายตัวดีต่อเนื่อง 23.6% เร่งขึ้นจาก 4.7% ในเดือนธันวาคม นับว่าเป็นตลาดที่ขยายตัวได้สูงสุดในเดือนมกราคม

 

ดุลการค้าขาดดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ขณะที่การนำเข้าพลิกกลับมาขยายตัวได้

มูลค่าการนำเข้าของไทยในเดือนมกราคมอยู่ที่ 24,899.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลับมาขยายตัว 5.5% หลังหดตัวครั้งแรกในไตรมาส 4 ปี 2022 การนำเข้าสินค้าส่วนใหญ่ขยายตัว ยกเว้นสินค้าทุนและสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปที่หดตัวต่อเนื่อง -10.3% และ -7.4% ตามลำดับ

 

ขณะที่การนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงขยายตัวสูง 84.4% (หดตัว -13.2% ในเดือนก่อน) ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการนำเข้าน้ำมันดิบที่ขยายตัวสูงถึง 132.0% (หดตัว -16.6% ในเดือนก่อน) นอกจากนี้ การนำเข้ายานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่งกลับมาขยายตัวสูงถึง 28.4% เทียบกับภาพหดตัวมาตลอดปี 2022

 

ทั้งนี้พบว่า มูลค่าการนำเข้าสินค้าของไทยยังขยายตัวได้ตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ขณะที่มูลค่าการส่งออกหดตัวต่อเนื่องสอดคล้องกับสัญญาณเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลให้ดุลการค้าในระบบศุลกากรในเดือนมกราคมขาดดุล -4,649.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นการขาดดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10  

 

การส่งออกสินค้าของไทยมีแนวโน้มชะลอลงต่อ แต่คาดว่าจะยังมีแรงหนุนจากการเปิดประเทศของจีน ซึ่งจะเริ่มส่งผ่านมายังภาคการส่งออกมากขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้

ในระยะต่อไป การส่งออกสินค้าของไทยมีแนวโน้มชะลอตัวตามเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ชะลอลงมาก แต่ด้วยเศรษฐกิจโลกที่จะไม่แย่ลงมากเท่าที่เคยประเมินไว้ก่อนนี้ คาดว่าจะสามารถสนับสนุนการส่งออกให้ปรับดีขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปได้บ้าง

 

โดย (1) ดัชนี Global Manufacturing PMI อยู่ที่ 50.0 ในเดือนกุมภาพันธ์ แม้ปรับขึ้นมาอยู่ในระดับทรงตัวเป็นครั้งแรก หลังจากหดตัวมานาน 6 เดือน แต่ส่วนใหญ่เป็นผลของอุปทานคอขวดทยอยคลี่คลาย สะท้อนจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2022 มาอยู่ที่ระดับ 50.8 ขณะที่ภาคอุปสงค์ยังฟื้นตัวได้ช้ากว่า สะท้อนจากยอดคำสั่งซื้อใหม่และยอดคำสั่งซื้อสินค้าส่งออกใหม่ที่แม้ปรับดีขึ้นแต่ยังอยู่ในระดับหดตัวที่ 49.3 และ 48.3 ตามลำดับ

 

(2) การส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือนกุมภาพันธ์ยังหดตัว -7.5% แม้หดตัวในอัตราชะลอจากเดือนก่อนหน้า -16.6% แต่ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยด้านฤดูกาลในช่วงเทศกาลตรุษจีน หากหักปัจจัยดังกล่าวออกการส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์จะยังคงติดลบสูง

 

(3) เครื่องชี้วัดการค้าระหว่างประเทศ (QuantCube International Trade Index) บ่งชี้ว่าการค้าโลกอ่อนแอลงต่อเนื่อง การค้าระหว่างประเทศของเศรษฐกิจสำคัญ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร อ่อนแอลงในช่วงปลายปีที่ผ่านมาและยังไม่เห็นสัญญาญการฟื้นตัวที่ชัดเจน

 

อย่างไรก็ดี ภาคการส่งออกไทยในปีนี้มีแนวโน้มได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชนในจีนหลังยกเลิกมาตรการ Zero-COVID ในช่วงปลายปีก่อน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มส่งผ่านมายังอุปสงค์การนำเข้าสินค้ามากขึ้น ในครึ่งหลังของปีนี้ โดยเครื่องชี้วัดการค้าระหว่างประเทศของจีนที่อยู่ในทิศทางฟื้นตัว แม้ชะลอลงบ้างในช่วงต้นปีจากเทศกาลตรุษจีนที่ภาคธุรกิจหยุดยาว

 

อีกทั้ง ภาคการผลิตของจีนเริ่มเห็นการฟื้นตัวแล้ว โดยดัชนี Manufacturing PMI ของจีนในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 52.6 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เมษายน 2012 เช่นเดียวกับยอดคำสั่งซื้อใหม่ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าส่งออกใหม่ และการนำเข้าของจีนที่กลับมาขยายตัวในรอบกว่าครึ่งปี สะท้อนให้เห็นอุปสงค์จากจีนที่มีทิศทางที่ดีขึ้น

 

นอกจากนี้ แม้แนวโน้มการส่งออกไทยจะเผชิญปัจจัยลบดังกล่าว SCB EIC ประเมินว่า มีตลาด 3 แห่งที่มีศักยภาพและเป็นโอกาสสำหรับการส่งออกของไทยในปีนี้ ได้แก่ ตลาดตะวันออกกลางที่อาจได้รับอานิสงส์จากการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบีย อีกทั้ง เศรษฐกิจภูมิภาคนี้มีแนวโน้มขยายตัวดีกว่าเศรษฐกิจโลก

 

ตลาด CLMV ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐของไทยมาก เช่น การเร่งรัดการส่งออกผ่านการค้าชายแดน รวมถึง CLMV มีแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีกว่าเศรษฐกิจโลกเช่นกัน และตลาดลาตินอเมริกาที่เป็นตลาดส่งออกเป้าหมายใหม่ของกระทรวงพาณิชย์ โดยตลาดลาตินอเมริกายังเป็นตลาดเล็กจึงมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก แต่ยังเผชิญข้อจำกัดด้านระยะทาง (อ่านเพิ่มเติมได้ในบทความ In focus : เปิดหน้าต่างบานใหม่ของการส่งออกไทยในยามเศรษฐกิจโลกชะลอตัว)


ทั้งนี้ SCB EIC กำลังอยู่ระหว่างประเมินแนวโน้มการส่งออก และจะเผยแพร่ตัวเลขคาดการณ์ส่งออกและประมาณการภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้

 

รูปที่ 1 : การส่งออกไทยเดือนมกราคมปรับหดตัวน้อยลงในทุกหมวดสินค้าและตลาดสำคัญ

SCB EIC ชี้ ส่งออกไทยหดตัว 4 เดือนติด แต่จีนเปิดประเทศยังเป็นแรงส่ง SCB EIC ชี้ ส่งออกไทยหดตัว 4 เดือนติด แต่จีนเปิดประเทศยังเป็นแรงส่ง

 

ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์

 

รูปที่ 2 : สินค้าสำคัญ เช่น รถยนต์และอุปกรณ์ฯ ข้าว อุปกรณ์กึ่งตัวนำฯ และน้ำมันสำเร็จรูป ขยายตัวได้ ขณะที่เครื่องคอมฯ เม็ดพลาสติก และยางพารา มีผลต่อการหดตัวของการส่งออกรวมมากที่สุด


SCB EIC ชี้ ส่งออกไทยหดตัว 4 เดือนติด แต่จีนเปิดประเทศยังเป็นแรงส่ง

ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์

 

รูปที่ 3 : การส่งออกสินค้าของไทยมีแนวโน้มชะลอลงต่อในปีนี้เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวอุปสงค์ในจีนหลังยกเลิก Zero-COVID มากขึ้น ในครึ่งหลังของปีนี้

SCB EIC ชี้ ส่งออกไทยหดตัว 4 เดือนติด แต่จีนเปิดประเทศยังเป็นแรงส่ง

ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของศุลกากรเกาหลีใต้, JP Morgan, S&P Global, Moody’s และ CEIC

 

รูปที่ 4 : การส่งออกยังพอจะได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศของจีนมากขึ้น โดยเฉพาะในครึ่งหลังของปีนี้ สะท้อนจากภาคการผลิตและภาคอุปสงค์ของจีนที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวแล้ว

SCB EIC ชี้ ส่งออกไทยหดตัว 4 เดือนติด แต่จีนเปิดประเทศยังเป็นแรงส่ง

 

SCB EIC ชี้ ส่งออกไทยหดตัว 4 เดือนติด แต่จีนเปิดประเทศยังเป็นแรงส่ง