อัตราแลกเปลี่ยน & ภาษี? (ตอน 2)
สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ทราบไปแล้วเกี่ยวกับการแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ทราบไปแล้วเกี่ยวกับการแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
โดย...สมชาย ชูเกตุ
เป็นหน่วยเงินตราไทยเพื่อใช้ออกใบกำกับภาษี สัปดาห์นี้มาต่อเกี่ยวกับการแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นหน่วยเงินตราไทย เพื่อนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.36) และการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ว่าต้องใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราอย่างไรจึงจะถูกต้อง ถ้าปฏิบัติไม่ถูกต้องก็จะมีผลต่อการคำนวณภาษีด้วย
การนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม
ผู้ที่จ่ายเงินค่าสินค้าหรือค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร ซึ่งได้เข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราว หรือจ่ายเงินค่าสินค้าหรือค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.36) ส่วนใหญ่ราคาซื้อขายสินค้าหรือค่าบริการจะตกลงใช้สกุลเงินตราต่างประเทศ ผู้จ่ายเงินต้องใช้เงินบาทซื้อเงินตราต่างประเทศเพื่อจ่ายค่าสินค้าหรือค่าบริการ
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพื่อใช้คำนวณการนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.36) มี 2 วิธี
วิธีที่ 1 ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในแต่ละวัน โดยใช้ “อัตราขาย” หรือ
วิธีที่2 ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในแต่ละวัน โดยใช้ “อัตราขายถัวเฉลี่ย”
การใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามวิธีที่ 1 หรือ 2 เมื่อได้ใช้วิธีใดแล้ว ต้องใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรานั้นตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรจึงจะเปลี่ยนแปลงวิธีการได้
ตัวอย่างการนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.36)
บริษัท ฯลฯ จ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์ให้แก่บริษัทในต่างประเทศในวันศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 2554 บริษัท ฯลฯ มีสิทธิใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในการยื่นแบบ ภ.พ.36 (วันที่ 17 ก.ค. 2554) ดังนี้
วิธีที่ 1 ใช้ “อัตราขาย” ของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในวันศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 2554 หรือ
วิธีที่ 2 ใช้ “อัตราขายถัวเฉลี่ย” ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ ณ วันศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 2554 ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของเงินสกุลต่างๆ ณ สิ้นวันทำการประจำวันพฤหัสบดีที่ 9 มิ.ย. 2554
ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
ผู้จ่ายเงินได้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามวัน เดือน ปี ที่จ่ายเงินได้ หากจ่ายเป็นเช็คก็ต้องหักภาษี ณ วัน เดือน ปี ที่ระบุบนเช็ค กรณีที่จ่ายเงินได้เป็นเงินตราต่างประเทศ ผู้จ่ายเงินได้ต้องแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราเพื่อใช้คำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนเช่นเดียวกับการนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.36) ตามที่กล่าวมาข้างต้นเช่นเดียวกัน
ท่านที่สนใจเกี่ยวกับการแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทย สามารถศึกษาได้จาก คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.132/2548 เรื่อง การคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตามมาตรา 9 มาตรา 65 ทวิ (5) มาตรา 65 ทวิ (8) และมาตรา 79/4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งคำสั่งดังกล่าวได้ระบุแนวทางปฏิบัติพร้อมตัวอย่างไว้เป็นแนวทาง
สวัสดีครับ


