posttoday

พินัยกรรม...ทำเพื่อเธอ

15 พฤษภาคม 2554

การทำพินัยกรรมเป็นวินัยที่ดีในการวางแผนการเงิน ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ทำให้รู้ว่าเรามีทรัพย์สมบัติอะไรบ้าง และทรัพย์สมบัตินั้นอยู่ที่ไหนบ้าง....

การทำพินัยกรรมเป็นวินัยที่ดีในการวางแผนการเงิน ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ทำให้รู้ว่าเรามีทรัพย์สมบัติอะไรบ้าง และทรัพย์สมบัตินั้นอยู่ที่ไหนบ้าง....

โดย...สวลี ตันกุลรัตน์

ของขวัญชิ้นหนึ่งที่เราทุกคนได้รับมาเหมือนๆ กันในวันที่เรามีชีวิต คือ “ความตาย” เพราะฉะนั้นอย่ากลัวที่จะพูดถึงความตาย อย่ากลัวที่จะเตรียมตัวตาย โดยเฉพาะการเตรียมตัวเพื่อที่จะไม่สร้างความยุ่งยากให้กับคนที่ยังอยู่

“การทำพินัยกรรมเป็นวินัยที่ดีในการวางแผนการเงิน ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ทำให้รู้ว่าเรามีทรัพย์สมบัติอะไรบ้าง และทรัพย์สมบัตินั้นอยู่ที่ไหนบ้าง และการที่ไม่มีพินัยกรรมอาจจะทำให้ทุกอย่างล่าช้า โดยเฉพาะกรณีที่เป็นทรัพย์สินที่อยู่กับสถาบันการเงิน เวลาที่เจ้าของบัญชีเสียชีวิตจะต้องมีผู้จัดการมรดกจึงจะสามารถจัดการทรัพย์สินที่มีอยู่ได้” ธีระ ภู่ตระกูล ผู้ก่อตั้ง JT Financial Planners แนะนำ

นอกจากนี้ การทำพินัยกรรมยังอาจจะเป็นการป้องกันการเกิดกรณี “มรดกเลือด” ซึ่งไม่ได้มีแค่ตระกูลดังระดับมหาเศรษฐีเท่านั้นที่มรดกกลายเป็นที่มาของปัญหา เพราะทรัพย์สมบัติมูลค่าไม่กี่แสนกี่ล้านบาท ก็สร้างความแตกแยกในหมู่ญาติพี่น้องได้เช่นกัน

พินัยกรรม...ทำเองได้

ตอนหนึ่งในหนังในละครที่น่าตื่นเต้นกว่าการตบตีกันของนางเอกกับนางร้าย และน่าติดตามไม่น้อยไปกว่าเลิฟซีนแบบสมจริงสมจัง คือ ขั้นตอนการเปิด “พินัยกรรมเจ้าคุณปู่” โดยทนายความประจำตระกูล มักจะยกทรัพย์มรดกให้กับใครสักคนหนึ่งที่ทำให้คนในครอบครัว “ตื่นตะลึง” อยู่เสมอ แต่การที่ “เจ้าคุณปู่” จะยกมรดกให้ใคร จำนวนเท่าไร มีเงื่อนไขอย่างไร เป็นสิทธิของคุณปู่ในฐานะ “เจ้าพินัยกรรม”

ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องเป็น “เจ้าคุณปู่” ที่มีทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาลถึงจำเป็นต้องทำพินัยกรรม เพราะต่อให้ในวันนี้เราไม่มีแต่ภาระหนี้ ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรเลยสักชิ้น เราก็สามารถทำพินัยกรรม เตรียมยกทรัพย์สมบัติที่คาดว่าจะมีในอนาคตให้กับใครก็ได้ และพินัยกรรมฉบับนั้นก็ถือว่ามีผลทางกฎหมาย และที่สำคัญคือ หนี้สินก็เป็นมรดกที่ตกทอดไปถึงทายาทได้เช่นกัน

ไม่จำเป็นว่า เราจะต้องรอให้ “อายุเยอะ” แล้วถึงคิดถึงการทำประกัน เพราะตามกฎหมายแล้ว คนที่มีอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ ก็สามารถทำพินัยกรรมได้แล้ว แต่พินัยกรรมที่ทำไปอาจจะเป็นโมฆะ ถ้าเป็นการทำพินัยกรรมของคนไร้ความสามารถ คนวิกลจริต

 

พินัยกรรม...ทำเพื่อเธอ

ไม่จำเป็นต้องใช้ “ทนายความ” ในการทำพินัยกรรม เพราะเราสามารถ “เขียนพินัยกรรมได้เอง” โดยตามกฎหมายแล้ว พินัยกรรม สามารถทำได้ 6 แบบ (ในบางตำราก็ว่า 4 ขณะที่บางตำราก็บอกว่า 5 และอีกตำราก็ว่า 6 ก็เลยถือคติเยอะไว้ก่อนดีที่สุด)

พินัยกรรมแบบธรรมดา

บางคนอาจจะเรียกพินัยกรรมแบบนี้ว่า แบบทำเป็นหนังสือ เพราะจะต้องทำเป็นหนังสือ ซึ่งอาจจะเขียนขึ้นเอง หรือพิมพ์ก็ได้ โดยที่ผู้ทำพินัยกรรมจะเขียนหรือพิมพ์เองก็ได้ หรือจะให้คนอื่นเขียนหรือพิมพ์ให้ก็ได้ไม่ผิดกติกา เพียงแต่พินัยกรรมในแบบนี้ผู้ทำพินัยกรรมจะต้องลงลายมือชื่อต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คน

หากคนทำพินัยกรรมเขียนหนังสือไม่เป็น จะใช้การพิมพ์ลายนิ้วมือก็ได้ แต่ต้องมีพยานลงลายมือชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมืออีก 2 คน โดยที่จะต้องไม่ใช้พยานที่เป็นผู้รู้เห็นในการทำพินัยกรรม แปลว่า หากต้องพิมพ์ลายนิ้วมือจะต้องใช้พยานถึง 4 คน จึงจะเป็นพินัยกรรมที่ถูกต้อง

และที่ลืมไม่ได้เลย คือ ต้องลงวันที่ เดือน ปี ที่ทำพินัยกรรมเอาไว้ด้วย ซึ่งไม่ใช่เฉพาะการทำพินัยกรรมแบบนี้เท่านั้นที่ต้องลงวันที่ เดือน ปี ที่ทำพินัยกรรมกับเอาไว้ เพราะวัน เดือน ปี ที่ทำพินัยกรรมมีผลอย่างมากต่อพินัยกรรม เพราะพินัยกรรมที่ทำล่าสุดจะเป็นพินัยกรรมที่มีทางผลกฎหมาย และทำให้พินัยกรรมที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ไม่มีผล

พินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ

ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า “เขียนเองทั้งฉบับ” เพราะฉะนั้นผู้ทำพินัยกรรมจะต้องเขียนด้วยลายมือตัวเองทั้งฉบับ โดยไม่ต้องมีพยานรู้เห็น หรือไม่ต้องมีพยานรับรองลายมือ ไม่ต้องอาศัยทนายความ และหากมีการขูดลบ ตก เติม หรือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงจะต้องลงลายมือชื่อกำกับเอาไว้ด้วย ไม่อย่างนั้นจะทำให้พินัยกรรมไม่สมบูรณ์

แต่ที่ลืมไม่ได้คือ ต้องลงวัน เดือน ปี กำกับไว้ด้วย และที่สำคัญยิ่งกว่าสำหรับการทำพินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ คือ ต้องลงลายมือชื่อในพินัยกรรม ห้ามพิมพ์ลายนิ้วมือ (เพราะคงจะแปลกๆ ถ้าเรารู้หนังสือ เขียนหนังสือได้ แล้วทำไมต้องพิมพ์ลายนิ้วมือ แบบคนไม่รู้หนังสือ)

สมผล ตระกูลรุ่ง นักวิชาการอิสระ เคยเขียนไว้ในโพสต์ทูเดย์เมื่อนานมาแล้วว่า สาเหตุที่การทำพินัยกรรมแบบนี้ไม่ต้องใช้พยาน น่าจะเป็นพินัยกรรมที่ปลอมได้ยาก เพราะเป็นการเขียนด้วยลายมือตัวเองทั้งฉบับ

“แม้พินัยกรรมแบบนี้จะปลอมได้ยาก ในทางปฏิบัติก็มีข้อเสีย คือไม่มีพยานที่จะรับรองยืนยันการทำพินัยกรรมให้ หากมีข้อพิพาทกันในขณะที่ผู้เขียนไม่อยู่ที่จะพูดเองได้แล้ว จะหาคนที่จะยืนยันให้ก็คงจะยาก และยิ่งหากเขียนไว้แล้วไม่ได้บอกใครไว้ด้วย ก็อาจจะไม่มีใครรู้ว่าทำพินัยกรรมไว้ก็ได้ ก็เกิดปัญหาขึ้นได้เช่นกัน” สมผล แนะนำ

พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง

ถ้าบอกว่าเป็น “เอกสารฝ่ายบ้านเมือง” อาจจะงงๆ ว่า ทำอย่างไร แต่ถ้าบอกว่า เป็นการทำพินัยกรรมที่อำเภอ เพราะที่ว่าการอำเภอจะมี “ฝ่ายนิติกรรมสำหรับบริการประชาชน” แต่สมผล บอกว่า เราอาจจะขอให้ไปทำให้นอกสถานที่ก็ได้ซึ่ง|ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพียงแค่ไปแจ้งความประสงค์ให้เจ้าหน้าที่ทราบ เจ้าหน้าที่ก็จะจัดการให้

แต่การไปทำพินัยกรรมแบบนี้จะต้องมีพยานอย่างน้อย 2 คน และหลังจากแจ้งความประสงค์ให้เจ้าหน้าที่ทราบแล้วว่า อยากจะจัดสรรปันส่วนทรัพย์สินให้ใคร เท่าไร อย่างไร เจ้าหน้าที่จะจดข้อความนั้นไว้ และอ่านให้ผู้ทำพินัยกรรมและพยานฟัง จากนั้นก็ลงลายมือชื่อเป็นหลักฐานทั้งผู้ทำพินัยกรรม พยาน และเจ้าหน้าที่ พร้อมกับประทับตราตำแหน่งเอาไว้ด้วย

พินัยกรรมเอกสารลับ

พินัยกรรมแบบนี้เป็นพินัยกรรมทำที่อำเภอแบบเอกสารฝ่ายบ้านเมือง เพียงแต่ไม่เปิดเผยข้อความในพินัยกรรม ทำให้เรียกว่า พินัยกรรมเอกสารลับ โดยผู้ทำพินัยกรรมต้องทำพินัยกรรมให้เรียบร้อย โดยจะเขียนเองหรือให้คนอื่นเขียนให้ก็ได้ จากนั้นก็ลงลายมือชื่อพร้อมกับวัน เดือน ปี แล้วปิดผนึกให้เรียบร้อย พร้อมกับลงลายมือชื่อตามรอยผนึก

จากนั้นผู้ทำพินัยกรรมต้องนำพินัยกรรมที่ผนึกเรียบร้อยแล้ว ไปแสดงต่อนายอำเภอและมีพยานอีกอย่างน้อย 2 คน และให้ถ้อยคำว่าเป็นพินัยกรรมของเราเอง ถ้าไม่ได้เขียนเอง ผู้ทำพินัยกรรมจะต้องแจ้งชื่อและภูมิลำเนาของผู้เขียนให้ทราบด้วย

เมื่อนายอำเภอจดถ้อยคำของผู้ทำพินัยกรรมและวัน เดือน ปีที่นำพินัยกรรมมาแสดงไว้บนซองนั้น และประทับตราตำแหน่งแล้ว นายอำเภอ ผู้ทำพินัยกรรม และพยานลงลายมือชื่อบนซอง

พินัยกรรมแบบนี้จึงกลายเป็น “เอกสารลับ” เพราะเนื้อหาในเอกสารจะมีคนรู่อย่างมากก็เพียง 2 คน คือ ผู้ทำพินัยกรรมและคนเขียนพินัยกรรม ในกรณีที่ผู้ทำพินัยกรรมไม่ได้เขียนเอง

พินัยกรรมแบบด้วยวาจา

ในกรณีที่มี “เหตุการณ์พิเศษ” ที่ทำให้ไม่สามารถทำพินัยกรรมใน 4 แบบแรกได้ เช่น อยู่ในอันตรายใกล้ความตาย มีโรคระบาด หรือ สงคราม กฎหมายก็ให้ทำพินัยกรรมด้วยวาจาก็ได้ โดยต้องแจ้งเจตนาต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คน ที่อยู่ในที่นั้นพร้อมกัน 2 คน
หลังจากนั้นพยานทั้งสองคนต้องรีบไปแจ้งให้ทางอำเภอทราบ ทั้งข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมสั่งไว้ พร้อมทั้งแจ้งวันที่ เดือน ปี และสถานที่ที่ทำพินัยกรรมและลงลายมือชื่อเอาไว้ แต่เมื่อพ้นจากเหตุการณ์อันตรายไปแล้ว พินัยกรรมจะไม่มีผลบังคับเมื่อครบ 1 เดือน นับจากวันที่ผู้ทำพินัยกรรมเข้าสู่เหตุการณ์ปกติ

พินัยกรรมทำในต่างแดน

พินัยกรรมแบบนี้เป็นพินัยกรรมที่คนไทยไปทำในต่างประเทศ ซึ่งอาจจะต้องทำตามแบบที่กฎหมายในประเทศนั้นกำหนดไว้ แต่หากไม่รู้ว่าเขาทำกันอย่างไร นักกฎหมายก็แนะนำว่า ให้ทำตามกฎหมายไทยได้เลย โดยอาจจะเป็นแบบที่ 1 หรือ 2 ก็ได้ เพราะอยู่ในต่างประเทศคงจะไม่สามารถมาทำที่อำเภอได้เหมือนคนที่อยู่ในประเทศ

ไม่ว่าจะทำพินัยกรรมด้วยวิธีการไหน “ศักดิ์ศรี” เท่ากันหมด มีผลบังคับใช้เหมือนกัน ถ้าทำได้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่มีข้อควรระวังไว้คือ คนเขียนพินัยกรรมให้เรา พยานในพินัยกรรม และคู่สมรสของทั้งผู้เขียนและพยาน ไม่สามารถเป็นผู้รับมรดกตามพินัยกรรมได้ เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้ใครได้มรดก อย่าได้ให้เขาหรือคู่สมรสมาเป็นคนเขียนหรือเป็นพยานโดยเด็ดขาด

นอกจากนี้ คนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ บุคคลวิกลจริต หรือบุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถ คนที่หูหนวก เป็นใบ้ หรือตาบอดทั้งสองข้าง ก็ไม่สามารถเป็นพยานในพินัยกรรมได้

พินัยกรรม...ทำให้ทันสมัย

พินัยกรรมไม่ใช่คัมภีร์ เพราะฉะนั้นทำแล้วสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และธีระ แนะนำว่า ควรจะมีการทบทวนพินัยกรรมที่ได้ทำไปแล้วอย่างน้อยทุกๆ 3 หรือ 5 ปี เพราะทุกสิ่งในโลกมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งปริมาณทรัพย์สมบัติของเรา และคนที่จะมารับมรดกของเรา เช่น อาจจะมีลูกเพิ่ม หรือเปลี่ยนใจไม่ชอบคนนี้แล้วก็ยกเลิกที่จะยกมรดกให้

“ผู้ใหญ่หลายคนใช้พินัยกรรมเป็นเหมือนคำขู่ และหลายคนขี้น้อยใจกลัวลูกหลานไม่สนใจ” ธีระ เปรียบเทียบ

นอกจากนี้ อีกแนวคิดหนึ่งในการจัดการมรดก คือ การแบ่งทรัพย์สมบัติบางส่วนให้ลูกหลานตั้งแต่ที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ต้องไปรอเปิดพินัยกรรมในวันที่เราจากโลกนี้ไปแล้ว

“หลายคนเข้าใจผิดคิดว่า มรดกจะต้องให้ตอนที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่จริงๆ แล้วเราให้มรดกก่อนได้ เพราะเป็นการให้โอกาสลูกหลาน เช่น การให้เงินจำนวนหนึ่งไปสร้างเนื้อสร้างตัว เริ่มต้นธุรกิจ และสิ่งที่สำคัญกว่าเงิน คือ คำแนะนำในการดำเนินธุรกิจ” ธีระ แนะนำ

ข่าวล่าสุด

คนละครึ่งพลัส หนุน “พาสต้า บ่? - มีลาภ อุบลฯ" ยอดขายพุ่ง แชมป์ร้านต่างจังหวัดขายดี