น้ำพริกมินิ 'รุ่งเจริญ' ทานได้ทุกที่ ทุกเวลา
กลิ่นไข่เจียวลอยหอมหวน มาเตะจมูกผมอย่างเต็มๆ เรียกน้ำลายให้ไหลออกมาจากมุมปากได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
กลิ่นไข่เจียวลอยหอมหวน มาเตะจมูกผมอย่างเต็มๆ เรียกน้ำลายให้ไหลออกมาจากมุมปากได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
โดย...นิธิ ท้วมประถม
กลิ่นไข่เจียวลอยหอมหวน มาเตะจมูกผมอย่างเต็มๆ เรียกน้ำลายให้ไหลออกมาจากมุมปากได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
แต่ไข่เจียวกับน้ำปลาพริก หรือซอสพริกนั้น ทำให้ผมต้องลังเลว่าจะตัดสินใจพึ่งท้องไว้กับเมนูอาหารอย่าง ข้าวไข่เจียวหรือไม่
หรือจะหันไปหากับข้าวอย่างอื่น ให้สมฐานะคนกินเงินเดือน ด้วยน้ำพริก แกล้มด้วย ผักต้ม ผักสด จานใหญ่ สักชุดก็น่าสนใจ แต่เอ...ชุดน้ำพริก ที่ร้านขายกับข้าวขายไว้นั้น อลังการล้านเจ็ดเหลือเกิน น้ำพริกถ้วยเบ้อเริ่มเทิ่ม ใครจะทานหมดในมื้อเดียวหว่า
จะเก็บไว้ในตู้กับข้าว ก็มีกลิ่นตลบอบอวลไปเสียอีก แถมยังต้องกังวลกับแมลงสาบตัวน้อยๆ ที่ชอบเล็ดลอด มาแอบชิมอาหารโดยที่เราไม่รู้ตัวอีก
เฮ้อ...คิดอย่างนี้แล้วก็เหนื่อยใจเหมือนกัน อยากทานน้ำพริกสักที ก็ต้องรอมื้อใหญ่ๆ ทานหลายๆ คน ถึงจะคุ้มกับการซื้อแต่ละครั้ง
ธนาวัฒน์ โพธิ์เผื่อนน้อย หนุ่มน้อยหน้าใสๆ รู้ถึงข้อจำกัดในเรื่องนี้ดี และด้วยความที่คลุกคลีกับน้ำพริกมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะที่บ้านของ ธนาวัฒน์ นั้นขายน้ำพริก ทำให้ ธนาวัฒน์ คิดค้นและออกสินค้าน้ำพริกมินิ ที่บรรจุในถ้วยพลาสติกปิดฝาอย่างดี เพื่อให้ลูกค้าสามารถบริโภคได้ทุกที่ ทุกเวลาที่ต้องการ และที่สำคัญคือกินหมดใน 1 มื้อ ไม่ต้องเหลือเก็บให้รำคาญใจ
“ที่บ้านผมขายน้ำพริกมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกนรก น้ำพริกแมงดา น้ำพริกปลาร้า น้ำพริกตาแดง คุณพ่อทำขายในตลาดมาโดยตลอด ซึ่งก็ขายได้เรื่อยๆ เหมือนกับร้านน้ำพริกทั่วไป ชาวบ้านก็มาซื้อใส่ถุงไปทานเป็นปกติ แต่มื้อที่ทานส่วนใหญ่จะเป็นมื้อเย็น ซึ่งเป็นมืออาหารหลัก เพราะชาวบ้านมีเวลาทาน และทานกันทั้งครอบครัว ซึ่งผมคิดว่าทำไมเราถึงไม่ทำน้ำพริกที่สามารถทานได้ทุกมื้อและทุกเวลาได้”
สิ่งที่ ธนาวัฒน์ คิดได้ ผลักดันให้เขาเริ่มคิดค้นและพัฒนาน้ำพริกธรรมดาให้ไม่ธรรมดาขึ้นมา
เริ่มแรกต้องทำสูตรน้ำพริกของที่บ้านให้นิ่งเสียก่อน จากเดิมที่คุณพ่อรุ่งโรจน์ คุณพ่อของ ธนาวัฒน์ ทำน้ำพริกขายในลักษณะของผู้ชำนาญครับคือแบบกะเอาด้วยสายตา อย่างกระเทียม 1 กำมือ เกลือ 1 หยิบมือ ซึ่งต้องแปลงหน่วยจากการกะของคุณพ่อให้เป็นหน่วยที่ชัดเจน เพื่อที่รสชาติของน้ำพริกจะได้นิ่งและเหมือนกันในทุกครั้ง
เมื่อได้สูตรน้ำพริกแต่ละอย่างที่แน่นอนแล้ว ก็ต้องหาภาชนะที่เหมาะสมสำหรับบรรจุน้ำพริกให้พอเหมาะกับวัตถุประสงค์ว่าให้เป็นกับข้าวที่ตั้งโต๊ะได้ทุกมื้อที่ต้องการ
ช่วงแรกรูปแบบของน้ำพริก มินิ รุ่งเจริญ ไม่ได้บรรจุในถ้วยนะครับ แต่บรรจุในขวด เหมือนกับน้ำพริกสำเร็จรูปทั่วไป แล้วไปฝากขายตามร้านขายของฝาก กับร้านอาหาร ปรากฏว่าไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร เพราะร้านค้าต่างๆ ไม่ผลักดันน้ำพริกของเรา ประกอบกับสินค้าไม่มีความแตกต่างกับยี่ห้ออื่น ทำให้ขายไม่ได้
เมื่อเป็นเช่นนั้น ทำให้ ธนาวัฒน์ กลับมานั่งคิด นอนคิด ว่าจะทำอย่างไรให้สินค้าตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและของตัวเองได้ แต่ก็ยังคิดไม่ออก
แต่เมื่อธนาวัฒน์และพี่ชายไปเดินห้างสรรพสินค้า และแวะเข้าไปทานไก่ทอดที่ร้าน KFC ที่นั่นเองทำให้เขาและพี่ชายไปเห็นภาชนะที่เหมาะจะนำมาบรรจุน้ำพริก ให้พอดีกับ 1 มื้อ สำหรับ 1 คน นั่นคือ ถ้วยบรรจุซอสนั่นเอง
“ช่วงแรกหาถ้วยยากมากครับ เพราะไม่รู้ว่าจะหาที่ไหน ก็ต้องไปตามหาคนผลิต กว่าจะได้เจอ และสั่งผลิตก็ยากมาก เพราะต้องสั่งเป็นจำนวนมาก เป็นพันๆ ชิ้น เพื่อให้คุ้มกับที่โรงงานต้องผลิต ซึ่งบอกได้เลยว่านานมาก กว่าจะขายหมด แล้วก็เรื่องฝาปิดที่ได้ไอเดียจากเครื่องซีลฝาปิดถ้วยเครื่องดื่มชาเขียว ที่ใช้ปั๊มลงบนถ้วย ก็ต้องไปหาโรงงานทำฝาอีก”
เมื่อได้ถ้วยมาแล้ว ก็เริ่มบรรจุน้ำพริกขายอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ ธนาวัฒน์ ได้บทเรียนแล้วว่า การกระจายขายไปทั่วนั้น เป็นเรื่องยากมาก สำหรับสินค้าที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก
ทำให้ธนาวัฒน์ ตัดสินใจ นำน้ำพริกมินิ รุ่งโรจน์ มาวางจำหน่ายในตลาดบางปู ซึ่งเป็นตลาดที่พ่อของคุณธนาวัฒน์ ทำน้ำพริกขายมานานหลายสิบปี เพราะที่นี่ลูกค้าให้การยอมรับน้ำพริกของคุณพ่ออยู่แล้ว ทำให้ไม่ต้องโปรโมตในเรื่องของรสชาติแล้ว
ประกอบกับขนาดของบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับการพกพา เก็บไว้ได้นาน ทานพอดีมื้อ ราคาเพียงถ้วยละ 67 บาท นั้นตรงกับความต้องการของบรรดาสาวโรงงาน ทำให้น้ำพริกมินิรุ่งโรจน์ เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น แต่เป็นความนิยมในพื้นที่บางปูเท่านั้น
ความแปลกใหม่ของบรรจุภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ตรงจุด ทำให้น้ำพริกมินิ รุ่งโรจน์ ไปเตะตาแผนกจัดซื้อของห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ และเข้ามาติดต่อขอให้ ธนาวัฒน์ พัฒนาสินค้าเข้าไปขายในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ทำให้ น้ำพริกมินิ รุ่งโรจน์ ติดลมบนทันที
น้ำพริก มีทั้งหมด 10 รสชาติ ขนาดที่พอเหมาะสำหรับการทานในแบบเร่งรีบในสังคมเมือง พกพาไปได้ทุกที กลายเป็นสินค้าใหม่ที่ตลาดต้องการ
“บริษัททัวร์ก็มาซื้อไปสำหรับให้ลูกทัวร์ได้ทานเวลาไปเมืองนอก ชาวบ้านก็ซื้อไปทาน หรือซื้อไปถวายพระ กลายเป็นว่าน้ำพริกของเราตอบโจทย์ได้ถูกต้อง ทำให้แต่ละเดือนยอดขายแตะหลักแสนถ้วยแล้ว”
ไม่น่าเชื่อว่า จากน้ำพริกในตลาดที่เราเห็น เมื่อต่อยอดเติมความคิด พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงความต้องการของตลาด น้ำพริกธรรมดาก็กลายเป็นน้ำพริกสวรรค์ สร้างสรรค์รายได้ให้กับเจ้าของได้ในพริบตา


