ลองขับ : เลกซัส CT 200 h หล่อเล็ก หัวใจ ไฮบริด
บรรดาแฟนๆ รถยนต์หรู คงได้ซี้ดปากอย่างแน่นอน เมื่อ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย นำเข้ารถยนต์เลกซัส CT 200h รถเล็กซัส 5 ประตู รุ่นเล็กที่สุด มาจำหน่ายในประเทศไทย...
บรรดาแฟนๆ รถยนต์หรู คงได้ซี้ดปากอย่างแน่นอน เมื่อ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย นำเข้ารถยนต์เลกซัส CT 200h รถเล็กซัส 5 ประตู รุ่นเล็กที่สุด มาจำหน่ายในประเทศไทย...
โดย...นิธิ ท้วมประถม
บรรดาแฟนๆ รถยนต์หรู คงได้ซี้ดปากอย่างแน่นอน เมื่อ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย นำเข้ารถยนต์เลกซัส CT 200h รถเล็กซัส 5 ประตู รุ่นเล็กที่สุด มาจำหน่ายในประเทศไทย โดยเจ้าเลกซัส CT 200h|ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี เครื่องยนต์ไฮบริด ที่โตโยต้าภูมิใจนำเสนออย่างมากในขณะนี้ ในราคาแสนจะเร้าใจ ซึ่งเริ่มต้นที่ 2.15 ล้านบาท ไปจนถึงเกือบ 2.65 ล้านบาท
เพียงแค่ราคา 2 ล้านบาทต้นๆ ก็ทำเอาตลาดรถยนต์ระดับหรูสั่นสะเทือนไม่น้อย ก็ขนาด บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ก็เริ่มต้นที่ 2.3 ล้านบาท ขณะที่ เบนซ์ C-Class รุ่นล่างสุดก็เริ่มต้นที่ 2.5 ล้านบาท โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ GTi ที่เป็นรถนำเข้าเหมือนกัน ก็มีราคาที่ 2.45 ล้านบาท ยิ่งทำให้เลกซัส CT 200h นั้นน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว แม้ว่า บีเอ็มดับเบิลยู จะเปิดราคา บีเอ็มฯ X1 sDrive 1.8i รุ่นประกอบในประเทศ หรือซีเคดี ในราคา 2.149 ล้านบาท ออกมาชนทันที
การเปิดตัวที่ราคาขนาดนี้ น่าจะทำให้ เลกซัสกลายเป็นที่หมายปองของใครหลายต่อหลายคน
เลกซัส CT 200h นั้นเป็นรถยนต์ขนาด 5 ประตู ที่ใช้เครื่องยนต์ไฮบริดรุ่นแรกของโลกนะครับ รูปร่างหน้าตาของเจ้ารุ่นนี้ก็จะกึ่งสปอร์ตหน่อยๆ ครอบครัวนิดหนึ่ง กะทัดรัดเล็กน้อย หากท่านผู้อ่านอยากทราบถึงขนาดของเลกซัส CT 200h ก็ให้มองไปที่ มาสด้า 3 หรือ ฟอร์ด โฟกัส 5 ประตู นั่นแหละครับ ไซส์นั้นเลย แต่เลกซัสหรูกว่า พรีเมียมกว่า เทคโนโลยี ไฮเทค ไฮโซกว่า ก็เท่านั้นเอง
พิจารณาจากภาพประกอบได้เลยครับ ว่าชอบรูปลักษณ์กันหรือเปล่า ส่วนผมนั้นชอบอยู่แล้ว สปอร์ตเล็กๆ แบบนี้ แหล่มมาก น่าจับจองเป็นเจ้าของ สาวๆ ต้องสะกิดแม่หันมามองพร้อมๆ กันแน่
รุ่นที่ผมได้ลองขับนั้นเป็นรุ่นรองท็อป คือรุ่น Premium Navi ครับ ราคาค่าตัวก็อยู่ที่ 2.5 ล้านบาท จะเป็นรองก็แค่รุ่นที่มีหลังคา มูนรูฟ เท่านั้น จุดเด่นของรุ่นนี้ ที่จับต้องได้จะจะ ก็คือ กุญแจอัจฉริยะ หรือ Smart Key ที่ผู้ขับขี่สามารถเปิด-ปิด ล็อกประตูโดยไม่ต้องกดรีโมต มีจอแสดงผลการสั่งงานผ่านปุ่มควบคุมกลาง มีระบบนำทาง กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด และระบบเชื่อมต่อไร้สาย หรือบลูทูธ และระบบเครื่องเสียง ที่ไฮโซกว่านิดหนึ่งที่ลำโพง 10 ตัว เครื่องเล่นซีดี 6 แผ่น
ภายในของเลกซัส CT 200h หรูหรา ตามสไตล์เลกซัสอยู่แล้ว ส่วนการออกแบบ ภายในออกไปในเชิงสปอร์ตๆ โมเดิร์นครับ|ทั้งมาตรวัดต่างๆ และคอนโซลกลาง
เข้ามาในตัวรถกดปุ่มสตาร์ตก่อนเลย แต่ต้องสังเกตให้ดีนะครับ ว่าเครื่องติดหรือยัง เพราะเราไม่รู้เลยว่าเครื่องติด เงียบและนิ่งมาก ต้องมองจากมาตรวัดต่างๆ ที่แสดงผลการทำงานขึ้นมาทันที ก็ช่วงสตาร์ตรถ ระบบที่จ่ายไฟเป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ยัง|ไม่ใช้เครื่องยนต์ครับ ดังนั้นไม่ต้องหวังว่าจะได้ยินเสียงเครื่องยนต์
เครื่องติดแล้วปรับอุณหภูมิแอร์หน่อย ผมปรับลงต่ำสุดน่าจะที่ 18 องศาเซลเซียส ซึ่งหน้าจอจะขึ้นคำว่า Lo ส่วนคนที่นั่งข้างๆ จะปรับเท่าไหร่ ก็ตามใจ ก็ระบบแอร์แยกส่วนกันนี่นา จัดการกันไปตามใจชอบ
เอื้อมมือมาเข้าเกียร์ที่เป็นแบบจอยสติ๊ก มาที่ตำแหน่ง D อ้อ...แต่ก่อนเข้าเกียร์ ต้องเหยียบเบรกก่อนนะครับ หากไม่เหยียบเบรก ระบบเกียร์ไฟฟ้าตัวนี้จะปรับไปที่ตำแหน่ง N เท่านั้น
พอเข้าเกียร์ D ก็ปล่อยรถไหลออกไปเบาๆ ไม้ต้องแตะคันเร่งก็ได้ หากการจราจรด้านหน้าติดหนึบ เพื่อที่ระบบขับเคลื่อนจะได้ใช้ระบบไฟฟ้าเหมือนตอนที่รถหยุดนิ่ง ที่ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานแทนเครื่องยนต์ ซึ่งมอเตอร์ไฟฟ้า จะทำงานไปเรื่อยๆ จนกว่าความเร็วรถจะเพิ่มเกิน 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นั่นแหละครับ เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร 4 สูบแถวเรียง DOHC VVTi ก็จะทำงานแทนที่ทันที ซึ่งถ้าไม่สังเกตให้ดีไม่รู้หรอกว่ามีการการเปลี่ยนระบบจากมอเตอร์ไฟฟ้ามาเป็นเครื่องยนต์เบนซิน นุ่มนวลจริงๆ
ระบบการขับขี่ของเลกซัส CT 200h นั้นมีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ คือ Eco Normal และ Sport อยู่ที่เราแล้วครับว่าอยากประหยัดขนาดไหน แต่ก็ต้องแลกกับความสนุกที่หายไป จากอัตราเร่ง
ผมเริ่มที่โหมด Eco ก่อน เราสามารถเลือกปรับโหมดต่างๆ ได้ที่คอนโซลกลางเลยครับ โหมดนี้จะเน้นการขับเพื่อผลของการประหยัดมากที่สุด เอาไว้ใช้ในเมืองช่วงรถติดๆ ก็ดี เพราะการออกตัวค่อนข้างจะตอบสนองช้า คือออกตัวอืดๆ และเร่งแซงอืดไปหน่อย เพราะระบบคอมพิวเตอร์ในรถจะจ่ายกระแสไฟมาแบบจำกัด แต่หากขับแบบเรื่อยๆ ไม่ได้รีบไปไหน Eco ไปเลยครับ น่าจะได้อัตราสิ้นเปลืองที่เกือบๆ 20 กิโลเมตรต่อลิตร
ส่วนโหมด Normal นั้นให้กำลังการออกตัว และเร่งแซง เพิ่มขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ไม่มากนักครับ ก็อยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคลแล้วว่าจะชอบแบบไหน ซึ่งส่วนตัวแล้วผมว่าทั้งโหมด Eco และ Normal นั้นยังหนืดไปหน่อย โดยเฉพาะในโหมด Normal น่าจะให้กำลังเครื่องยนต์มากกว่านี้อีกนิด
มาที่โหมด Sport กันดีกว่า เมื่อปรับเข้าโหมดนี้ ไม่เสียแรงที่บอกว่านี่คือโหมดสปอร์ต เพราะทุกอย่างจี๊ดจ๊าดถึงใจ เหมาะกับรูปร่างหน้าตาหน่อย ไม่เหมือนกับโหมดก่อนๆ ที่ จับสาวเปรี้ยวมาแต่งชุดไทย แต่โหมดนี้ สาวเปรี้ยวอยู่ในชุดบิกินีมาเลย
พอปรับเข้าโหมดนี้ ไฟหน้าจอจะเปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีแดงทันที และมาตรวัดที่บอกกำลังเครื่องยนต์ด้านซ้ายมือก็จะเปลี่ยนเป็นมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ทันที เก๋จริงๆ
ในโหมดนี้ ทำให้ผมรู้ถึงสมรรถนะของเลกซัส CT 200h ว่าเล็กพริกขี้หนู อัตราเร่งเยี่ยมมาก ออกตัวแบบหลังติดเบาะก็ทำได้ เพราะใช้ทั้งกำลังเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าในแบบเต็มที่ เพื่อให้ได้รู้ว่าม้าทั้ง 134 ตัวนั้นแข็งแรงขนาดไหน ส่วนอัตราการสิ้นเปลืองในโหมดนี้ขอติดไว้ก่อนครับ ยังไม่ได้วัดเลยสนุกกับการขับที่ความเร็ว 170 กม./ชม.ไปหน่อย
ระบบช่วงล่างนั้น ไว้ใจได้ครับ ไม่มีปัญหาแม้ว่าจะใช้ล้อขนาด 16 นิ้วก็ตาม พวงมาลัยหนึบแน่นใช้ได้ ล้อขนาด 16 นิ้ว ช่วยในเรื่องของความนุ่มนวลได้ในระดับหนึ่ง แต่ผมว่ายังแกว่งอยู่นิดๆ เมื่อต้องใช้ความเร็วสูง
ระบบนำทาง หรือเนวิเกเตอร์ ที่ติดมาให้นั้น ก็เก๋ไก๋ ตั้งแต่จอแสดงผลที่พับเก็บได้บนหน้าคอนโซลกลาง ทำให้ไม่เกะกะสายตาเมื่อยามที่เราไม่ได้ใช้งาน แถมระบบนำทางนั้นแจ่มตรงที่เชื่อมต่อกับข้อมูลของจราจรกลาง ทำให้สามารถบอกได้เลยว่า การจราจรในพื้นที่ใดใน กทม. และปริมณฑล เป็นอย่างไร ต้องปรบมือให้กับระบบนี้ครับ เพราะทำให้สามารถวางแผนการขับรถได้เป็นอย่างดี
เอาเป็นว่าช่วงสั้นๆ ที่ได้ลองขับเลกซัส CT 200h เล็กพริกขี้หนูคันนี้ บอกได้เลยว่า ตลาดรถหรูขนาดเล็กเดือดแน่ และถ้าใครประมาทละก็ เลกซัส CT 200h ขอแซงหน้าไปก่อนน่ะ


