เจาะ 10 เทรนด์การตลาดปี 69 ชู 6 กลยุทธ์ รับมือโลกฉลาดแต่ไร้สมดุล

การตลาดมีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจ ในการสร้างยอดขายและกำไร รวมไปถึงสร้างการรับรู้แบรนด์ นอกจากนี้ยังช่วยให้ธุรกิจ เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง และสามารถแข่งขันในตลาดได้ดีขึ้น 

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (Marketing Association of Thailand: MAT) ได้เปิดเผยทิศทางการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายสำหรับปี 2569 ที่กำลังจะมาถึงนี้

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดฯ ได้ส่งสัญญาณสำคัญว่า โลกกำลังเข้าสู่ “ยุคฉลาดล้ำแต่ไร้สมดุล” นี่คือเรื่องราวของการเปลี่ยนผ่านที่ผู้ประกอบการและนักการตลาดไทยทุกคนจำเป็นต้องเตรียมพร้อมก้าวข้ามความไม่แน่นอนครั้งนี้

ตลอดปี 2568 โลกได้หมุนเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงระดับมหภาค ทั้งในด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี สังคม และพฤติกรรมผู้บริโภค โลกที่เคยสมดุลกำลังจะถึงจุดเปลี่ยน และเข้าสู่โลกที่ไม่สมดุลอย่างแท้จริง

ท่ามกลางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้โลก “ฉลาดล้ำ” ในขณะเดียวกัน โลกกลับเปราะบางมากขึ้นจากปัญหาที่สั่งสม ไม่ว่าจะเป็นความไม่สมดุลทางสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม การผลิต และการบริโภค นี่คือช่วงเวลาที่ยากจะคาดเดา 

10 เทรนด์การตลาด ที่ต้องเผชิญในปี 69 

แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของตลาดปี 2569 ทิศทางหลักในการขับเคลื่อนแบรนด์และธุรกิจในยุคใหม่ ประกอบด้วย

1.โลกถึงจุดเปลี่ยน จากโลกที่สมดุล เรากำลังเข้าสู่โลกที่ไม่สมดุล

2.ตลาดขนาดใหญ่ จะถูกแบ่งย่อย กลายเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม Fragmentation 

3.อิทธิพลทางความคิด กำลังเคลื่อนย้ายจากตะวันตก เมื่อ Asia และ China เริ่มมีอิทธิพลในฐานะ Asia Soft Power

4.ความคิดสร้างสรรค์ของนักการตลาด สำคัญกว่าตรรกะ เพราะในยุคที่ AI กลายเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการทำการตลาดของทุกคน ดังนั้นถ้าจะแตกต่างต้องมีความคิดสร้างสรรค์เข้ามา

5.เทคโนโลยีแห่งอนาคต อย่าง Multiverse, AI Agentic และ Humanoid จะถูกนำมาใช้ในการทำตลาดมากขึ้น 

6.ผู้บริโภคเปลี่ยนไป พวกเขาให้ความสำคัญและใส่ใจกับประเด็นทางสังคมมากขึ้น (Drama and Viral Marketing) เช่น ทีมนักฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมี และปรากฏการณ์ “หมอนทองวิทยา” 

7.Influencers ไม่ได้เป็นแค่ผู้นำเชียร์สินค้า แต่ต้องเป็นผู้นำทางความคิด ผู้นำจิตวิญญาณ และต้องเป็น Key opinion customer (KOC)

8.การผสมผสานอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของผู้คนเข้ากับแบรนด์ 

9.การตลาดสำคัญกว่าการผลิต และอยู่รอดได้ด้วยการบริหารเงินและ Cash flow 

10.ในโลกที่ผันผวนนี้ แบรนด์กลางๆ ที่ไม่มีจุดขายอย่างชัดเจนจะอยู่ได้ยากขึ้น อาจต้องควบรวม หรือ Collaboration

“แบรนด์จำเป็นต้องมีการปรับตัวอย่างประณีต แม่นยำ และคล่องตัว ขณะเดียวกัน นักการตลาดต้องกล้าคิดนอกกรอบ ก้าวข้ามการส่งมอบคุณค่าแบบดั้งเดิมให้กับลูกค้า ผสมทฤษฎีและภาคปฏิบัติเข้าด้วยกัน กลายเป็นวัฒนธรรมและตัวตนของแบรนด์”

6 กลยุทธ์แห่งปี 2569 เข็มทิศสู่ความอยู่รอด

เพื่อนำพาองค์กรก้าวข้ามการเปลี่ยนผ่านและสร้างโอกาสใหม่ได้อย่างมั่นคง สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย แนะ 6 กลยุทธ์ เพื่อปรับตัวในยุคไร้สมดุลนี้ 

1. Competitive Advantage สู่ Chaotic Advantage 

ในโลก “ไร้สมดุล” นี้ บริษัทที่ยืดหยุ่นกว่าและสามารถเปลี่ยนแปลงได้หลากหลายกว่า คือ ผู้ที่ได้เปรียบอย่างแท้จริง ทั้งในเชิงกลยุทธ์การตลาดและการจัดการ Supply Chain ในและต่างประเทศ

2. Micro Marketing สู่ Micro Everything 

การทำตลาดเฉพาะเจาะจงยังไม่เพียงพอ ต้องลงลึกไปตั้งแต่ต้นน้ำ ต้องมีการผลิตและการจัดจำหน่ายที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น นักการตลาดที่ดีจะต้องสามารถช่วยสร้าง “อำนาจซื้อ” ของลูกค้า 

3. AI Marketing Tool สู่ AI Marketing Teammate

AI จะไม่ใช่แค่เครื่องมือสร้างชิ้นงานอีกต่อไป แต่แบรนด์จะมี “ทีมงาน AI” ที่สามารถคิด ทำ และจัดการงานด้านการตลาดได้โดยอัตโนมัติ AI จะเข้ามาช่วยคิดนวัตกรรมและกลยุทธ์ที่มีความสร้างสรรค์ทางการตลาดได้ 

4. Brand Management สู่ Brand Movement 

การจัดการแบรนด์อย่างเดียวไม่เพียงพอ แบรนด์จะต้องเป็นเครื่องมือในการสร้างแรงกระเพื่อมทางสังคม และพัฒนาสังคมไปสู่ความยั่งยืน 

5. Drama Queen สู่ Drama Quality

ยุคของการสร้างดราม่าเพื่อให้เป็นข่าวเท่านั้นได้สิ้นสุดลง การตลาดต้องเปลี่ยนไปสู่การสร้างไวรัลที่มี “ความหมาย” และส่งผลต่อสังคม ผู้คนจะเลือกแชร์ในสิ่งที่ใช่และสร้างสรรค์ประโยชน์มากขึ้น 

6. Influencer Selling สู่ Influencer Meaning

Influencers จะต้องเปลี่ยนบทบาทจากแค่ผู้เชียร์ขาย ไปเป็น “ผู้นำความคิดและจิตวิญญาณ” ผู้บริโภคในยุคนี้ต้องการ Guidance ไม่ใช่แค่โฆษณา แบรนด์ที่ดีจะต้องเข้าใจปัจจัยทางจิตวิทยาและสังคมที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ และนำคุณค่าเหล่านั้นมาเป็นจุดขายที่มีความหมายอย่างแท้จริง

มุมมองต่อการตลาดเชิงเปรียบเทียบ

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดกรณีดราม่าด้อยค่า “นมโคไทย” จากจุดเริ่ม้นปล่อยตัวอย่างรายการตอน “อาหารที่คิดว่าดี อาจกำลังทำร้ายร่างกาย” ซึ่งมีหลายประโยค อาจเป็นความเข้าใจผิด สร้างตื่นตระหนกให้กับผู้บริโภคเกี่ยวกับคุณภาพของ “นมไทย” จนทำให้มีนักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญ หลายท่าน ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นดังกล่าว 

ในเชิงการตลาด “ดร.บุรณิน” ให้มุมมองต่อการตลาดด้อยค่า หรือการตลาดเชิงเปรียบเทียบ ว่า การตลาดมีการแข่งขันกันอยู่ตลาดเวลา ซึ่งในเชิงของการแข่งขันก็ต้องมีการเปรียบเทียบ แต่การเปรียบเทียบที่ดี คือ การที่ไม่ทำให้ภาพรวมอุตสาหกรรมเสียไป ถือเป็นสิ่งที่จำเป็น และที่สำคัญคือ ในเชิงจริยธรรม ต้องคำนึงว่าเป็นเรื่องถูกต้องมากน้อยแค่ไหน 

การตลาดที่ดี เป็นการอธิบายและวางแผนจุดขายให้ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการจะดีกว่าไปเปรียบเทียบตัวเราเองกับคนอื่น และทำให้คนอื่นลดคุณค่าลง ในฐานะสมาคมการตลาดฯ อยากให้เน้นในเรื่องของการตลาดเชิงสร้างสรรค์ โดยหาจุดดี จุดขายของผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าจะเป็นสิ่งดีกว่า

ทั้งนี้ สมาคมการตลาดฯ อยู่ระหว่างจัดทำคู่มือจริยธรรมของนักการตลาด โดยรวบรวมความคิดจากสมาชิก และดู Guidance จากต่างประเทศ รวมทั้งนำเรื่องนี้ไปรีวิวกับทางอาจารย์ทางด้านการตลาดในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ทำให้คู่มือนี้จะเป็นคู่มือเตรียมความพร้อมของนิสิต นักศึกษา ที่จะจบออกมาเป็นผู้ประกอบการให้มีความตระหนักในเรื่องของการทำการตลาดอย่างมีจริยธรรมและมีจรรยาบรรณ ถือเป็นอีกภารกิจหนึ่งของสมาคมการตลาดฯ ที่จะติดอาวุธให้กับนักการตลาดให้ทำงานได้อย่างยั่งยืน และเป็นการตลาดเชิงสร้างสรรค์